Ads Top

SMK Insurance

คำศัพท์ ประกันภัยรถยนต์


Excess หรือ Deductible
คือ ข้อกำหนดที่ให้ผู้เอาประกันภัย ต้องรับผิดชอบเองในความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง เช่น ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กำหนดความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองต่ออุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง  เป็นจำนวน 1,000 บาท  หมายความว่า ถ้าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง มีจำนวนตั้งแต่ 1,000 บาท ลงมา บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบ  แต่ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นเกินกว่า 1,000 บาท  บริษัทจะรับผิดชอบเฉพาะ ส่วนที่เกินกว่า 1,000 บาท  เท่านั้น  ข้อกำหนด จะทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องใช้ความระมัดระวังต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัย มากขึ้น  เพราะถ้าเกิดความเสียหายแต่เพียงเล็กๆ น้อยๆ  ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเอง


Franchise Clause
คือ  ข้อกำหมดที่ให้ผู้เอาประกันภัย ต้องรับผิดชอบเองในความเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง  ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ เช่น กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองในความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ละ ครั้ง  เป็นจำนวน 1,000 บาท  ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้น 1,000 บาท ลงมาบริษัทไม่ต้องชดใช้  ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง  แต่ถ้าความเสียหายเกินกว่า 1,000 บาท  เช่น 1,500 บาท  บริษัทจะต้องชดใช้เต็มจำนวนที่เสียหาย 1,500 บาท  เงื่อนไขนี้ใช้กันมากในการประกันภัยทางทะเล

ซากทรัพย์ (Salvage)
ทรัพย์สินที่เอาประกันไว้  ไม่ใช่ว่าจะถูกทำลาย หรือเสียหายโดยสิ้นเชิงเสมอไป ในบางครั้งอาจจะมีการเสียหายบางส่วน ในกรณีเช่นนี้ ผู้เอาประกันภัย จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ไม่เกินกว่า จำนวนที่เสียหายจริง  ซึ่งเท่าจำนวนเงินเอาประกันภัย หักด้วยมูลค่าของซากทรัพย์  ดังนั้น ถ้าบริษัทชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เต็มจำนวนเงินเอาประกันภัยแล้ว บริษัทย่อมมีสิทธิได้รับซากทรัพย์นั้น
ทุนประกันภัย คือ
ค่าสินไหมที่บริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายให้กับ ผู้เอาประกันภัยในกรณีที่ทรัพย์สินชิ้นนั้นได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง หรือเกิน 70% ดังนั้น ท่านที่เคยทำประกันภัย คงคุ้นเคยกันดีกับคำว่า “ทุนประกันภัย” กันเป็นอย่างดี หลายท่านคงเคยมีปัญหา และข้อสงสัยเกี่ยวกับทุนประกันภัยกันบ้าง โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ เช่นว่า ทำไมถึงได้ทุนแค่นี้ , ทำไมได้ทุนต่ำจัง เป็นต้น

ดังนั้นวันนี้เราจะมายกตัวอย่าง การหา และการคำนวณทุนประกันภัยรถยนต์ ว่าประกันภัยแต่ละที่เขามีการคิดคำนวณหาทุนประกันภัยกันอย่างไร และเขาไปเอาทุนประกันภัยกันมาจากไหน โดยหลักส่วนใหญ่แล้ว การคิดทุนประกันภัยจะคำนวณจากราคากลางในตลาด หรือราคาซื้อสำหรับรถมือใหม่ป้ายแดง เป็นต้น โดยจะมีการหักค่าเสื่อมการใช้งานไว้อย่างน้อย 10% เป็นต้น ทำให้ ทุนประกันภัยจะอยู่ประมาณ 90% ของราคาขายในตลาดกลาง ถึงตอนนี้หลายท่านคงมีคำถามแล้วว่า “แล้วทำไมรถป้ายแดงถึงได้ทุนประกันภัยเริ่มต้นเพียง 80% จากราคาที่ซื้อมา” การที่รถป้ายแดงได้ทุนประกันภัยเพียง 80% เนื่องจาก เมื่อท่านทำการดาวน์รถมา 1 คัน โดยส่วนมากแล้ว เงินดาวน์ จะอยู่ที่ 20% ของราคาเต็ม ด้วยเหตุนี้ทำให้การทำประกันภัย จะมีทุนประกันภัยอยู่ที่ 80% เท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว จำนวนลงเงินชดเชยจะเกินจากราคาขายเต็มจำนวน แต่ถ้าหากว่าท่านได้ทำการซื้อรถด้วยเงินสดเต็มจำนวน ไม่มีการผ่อนชำระ ก็จะสามารถทำทุนประกันภัยได้สูงสุดที่ 90% ของราคาขายนั้นเอง


Over Insurance คือ

การทำประกันภัยรถยนต์ ด้วยทุนประกันภัยที่สูงกว่ามูลค่า ซึ่งทำให้เสียเบี้ยประกันภัยสูงเกินความจำเป็น เพราะในหลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จะชดเชยให้เพียงจำนวนเท่ากับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น โดยการชดเชยจะยึดอ้างอิงตามราคาขายจริง หรือมูลค่ากลางในตลาดปัจจุบันนั้นเอง


คำขอเอาประกันภัย (Application Form)

ใบคำขอเอาประกันภัยเป็นเอกสารสำคัญที่ทำขึ้นเพื่อแสดงความประสงค์ว่าจะเอาประกันภัย อย่างใดอย่างหนึ่งไว้กับผู้รับประกันภัย ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่ที่จะต้องเปิดเผยความจริง (Disclosure) โดยไม่ต้องรอให้ผู้รับประกันภัย สอบถามและหากมีข้อความสอบถามใดๆ ผู้เอาประกันภัยจะต้องตอบตามความจริงทั้งหมด (Representation) มิฉะนั้นสัญญาประกันภัย อาจตกเป็นโมฆียะ ซึ่งผู้รับประกันภัยสามารถบอกเลิกได้





ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.