Ads Top

SMK Insurance

ซื้อขายรถยนต์มือสองมีขั้นตอนอย่างไร? ใช้เอกสารอะไรบ้าง?







ในช่วงที่คนไทยต้องประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ อาจทำให้หลายคนต้องตัดสินใจขายสินทรัพย์ที่อยู่ในมือเพื่อนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แล้ว การซื้อขายรถยนต์มือสองมีขั้นตอนอย่างไร? ใช้เอกสารอะไรบ้างทั้งฝ่ายผู้ซื้อและฝ่ายผู้ขาย  มีข้อมูลมาฝากค่ะ



เอกสารที่ต้องใช้ในการซื้อขายรถยนต์มือสอง สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กรณี ดังนี้


1. รถยนต์จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคลธรรมดาและไม่ติดไฟแนนซ์

- สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ขีดคร่อมพร้อมเซ็นกำกับว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น” หากเจ้าของรถมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และในสมุดคู่มือจดทะเบียนยังเป็นชื่อ-นามสกุลเดิมอยู่ ต้องใช้ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุลแนบด้วย

- แบบคำขอโอน 1 ใบ ผู้ขายเซ็นตรงตำแหน่งผู้โอน

- หนังสือมอบอำนาจ 1 ใบ ผู้ขายเซ็นตรงตำแหน่งผู้มอบอำนาจ ควรเขียนจุดประสงค์ในการมอบอำนาจว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น”

- สมุดคู่มือจดทะเบียน (เล่มสีน้ำเงิน) เจ้าของรถต้องเซ็นในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์ด้วย

- สัญญาซื้อขาย ต้องเป็นแบบที่มีฉบับสำเนาด้วย เพราะผู้ซื้อและผู้ขายต้องเก็บไว้คนละชุด และต้องมีสำเนาบัตรประชาชนผู้ซื้อ-ผู้ขายเซ็นสำเนาถูกต้องแนบสัญญาไว้ด้วย






2. รถยนต์จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคลธรรมดาและติดไฟแนนซ์

- สำเนาบัตรประชาชน 3 ใบ เซ็นขีดคล่อมเหมือนกับรถที่ไม่ติดไฟแนนซ์ หากเจ้าของรถมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และตอนที่ทำเรื่องขอสินเชื่อยังเป็นชื่อ-นามสกุลเดิมอยู่ ต้องใช้ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุลแนบด้วย โดยลายเซ็นที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องต้องเหมือนกับในคู่สัญญาที่ทำไว้กับไฟแนนซ์

- สำเนาทะเบียนบ้าน 3 ใบ พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง

- แบบคำขอโอน 2 ใบ ผู้ขายเซ็นตรงตำแหน่งผู้โอน 1 ใบ และผู้ขายเซ็นตรงตำแหน่งผู้รับโอน 1 ใบ ผู้รับโอนต้องเซ็น 2 ที่

- หนังสือมอบอำนาจ 3 ใบ ให้เซ็นเหมือนกับรถที่ไม่ติดไฟแนนซ์

- ส่วนสมุดคู่มือจดทะเบียนจะยังไม่มี เพราะยังอยู่ที่ไฟแนนซ์ ต้องไปปิดไฟแนนซ์ก่อน แล้วไฟแนนซ์จะไปดำเนินการโอนให้กับเจ้าของรถ หลังจากได้เล่มมาแล้วเจ้าของรถค่อยเอามาเซ็นตรงผู้ถือกรรมสิทธิ์ แล้วค่อยเอาไปให้ผู้ซื้ออีกที แต่จะใช้เงินใครปิดนั้นต้องให้ผู้ซื้อ ผู้ขายตกลงกันเอง แต่โดยทั่วไปแล้วมันเป็นเงินของผู้ซื้อ

- สัญญาซื้อขาย ต้องเป็นแบบที่มีฉบับสำเนาด้วย เพราะผู้ซื้อและผู้ขายต้องเก็บไว้ฝ่ายละชุด และต้องมีสำเนาบัตรประชาชนผู้ซื้อ-ผู้ขายเซ็นสำเนาถูกต้องแนบสัญญาไว้ด้วย






3. รถยนต์จดทะเบียนเป็นชื่อนิติบุคคลและไม่ติดไฟแนนซ์

- สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท 1 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ขีดคร่อมพร้อมเซ็นกำกับว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น”

- แบบคำขอโอน 1 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้โอนพร้อมประทับตราบริษัท

- หนังสือมอบอำนาจ 1 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้มอบอำนาจพร้อมประทับตราบริษัท ควรเขียนระบุวัตถุประสงค์ในการมอบอำนาจด้วยว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น”

- สมุดคู่มือจดทะเบียน (เล่มสีน้ำเงิน) ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์พร้อมประทับตราบริษัท

- สำเนาหนังสือจดทะเบียนบริษัททุกหน้า พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องพร้อมประทับตราบริษัททุกหน้า

- สัญญาซื้อขาย










4. รถยนต์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและติดไฟแนนซ์

- สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท 3 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ควรขีดคร่อมพร้อมเซ็นกำกับว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น”

- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท 3 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง

- แบบคำขอโอน 2 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้โอนพร้อมประทับตราบริษัท 1 ใบ และ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้รับโอน 2 ที่พร้อมประทับตราบริษัท (ต้องประทับทั้ง 2 จุดตรงที่เซ็นชื่อ) อีก 1 ใบ

- หนังสือมอบอำนาจ 3 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้มอบอำนาจพร้อมประทับตราบริษัท ควรเขียนจุดประสงค์ในการมอบอำนาจว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น”

- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยังคงอยู่ที่ไฟแนนซ์ จำเป็นจะต้องนำเงินไปปิดไฟแนนซ์เสียก่อน ไฟแนนซ์จึงจะดำเนินการโอนให้กับเจ้าของรถ หลังจากได้เล่มมาแล้วเจ้าของรถจึงเอามาเซ็นตรงผู้ถือกรรมสิทธิ์พร้อมประทับตราบริษัท แล้วจึงนำไปให้ผู้ซื้ออีกที ส่วนจะใช้เงินฝ่ายผู้ซื้อหรือผู้ขายเป็นผู้ปิดไฟแนนซ์ก็ตามแต่จะตกลงกัน แต่โดยทั่วไปแล้วมักเป็นเงินจากฝ่ายผู้ซื้อ

- สำเนาหนังสือจดทะเบียนบริษัททุกหน้า พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องและประทับตราบริษัททุกหน้า

- สัญญาซื้อขาย



เอกสารอื่นๆ เช่น ใบโอน ใบมอบอำนาจ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน นั้น มีไว้ใช้เพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น มีเพียงสัญญาซื้อขายเพียงอย่างเดียวที่จะต้องเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่ารถยนต์มีการซื้อขายอย่างถูกต้อง จึงจำเป็นจะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

ประกันรถยนต์ตามโปรไฟล์ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ..โปรไฟล์ยิ่งดี ความเสี่ยงยิ่งต่ำ เบี้ยยิ่งถูก.. โปรไฟล์คุณอาจดีกว่าที่คุณคิด
เบี้ยเริ่มต้น 6,999 บาท และยังถูกลงได้อีก หากเลือกแบบมีดีดัก และระบุชื่อผู้ขับขี่
(ลดสูงสุดเหลือเพียง 3,999 บาท) "การันตีถูกจริง"

สนใจรายละเอียด คลิก www.smk.co.th/productmotordetail/20 หรือ โทร.1596  Line: @smkinsurance

Photo source: freepik.com


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.