ถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วหรือยัง? ตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์พร้อมวิธียืดอายุยาง
เมื่อจำเป็นต้องจอดรถยนต์ไว้บ้านภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ทำให้ยางรถยนต์ของบางคนต้องเสื่อมสภาพจากการจอดตากแดด หรือขาดการบำรุงรักษาเป็นระยะเวลานาน จนได้เวลาต้องพารถยนต์ของคุณเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนยาง แล้วเราจะมีวิธีตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์อย่างไร? สินมั่นคงประกันภัยมีข้อมูลพร้อมวิธียืดอายุยางมาฝากกันค่ะ
เมื่อยางดอกหมดหรือมีความลึกต่ำกว่าที่กำหนด (ต่ำกว่า 2 มม.) ควรเปลี่ยนยางทั้งชุดเพื่อความปลอดภัย โดยยางเกือบทุกรุ่นจะมีสัญลักษณ์บอกระดับความลึกของดอกยาง เป็นแท่งเชื่อมระหว่างดอกยางกับบริเวณส่วนลึกสุดของร่องยาง (ไม่ใช่ทุกร่อง) เมื่อไรที่ดอกยางสึกจนถึงแท่งนี้ แสดงว่าควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่
ทดสอบได้โดยการใช้เล็บจิกลงบนเนื้อของหน้ายาง เปรียบเทียบกับยางใหม่ ๆ ที่สามารถจิกลงไปในเนื้อยางได้ง่ายและลึกกว่า หากดอกยางยังไม่หมดและยังต้องการใช้งานต่อ เมื่อยางรถยนต์อายุเกิน 3 ปี หรือเกิน 50,000 กิโลเมตร ต้องหมั่นตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ และควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนมาใช้ยางเก่าที่ค้างเก็บในสต๊อกของร้าน เพราะจะทำให้ระยะเวลาในการใช้ยางสั้นลงกว่า 3 ปี
ยืดอายุยางอย่างไร? ให้ปลอดภัยและใช้งานได้นานขึ้น
แม้การดูแลรักษาและยืดอายุยางรถยนต์จะช่วยให้คุณขับขี่ปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น แต่จะปลอดภัยยิ่งกว่าหากไว้วางใจให้สินมั่นคงประกันภัยช่วยดูแลคุณ ด้วยประกันภัยรถยนต์คนกรุง ผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท อัตราเบี้ยคงที่เท่ากันทุกปีคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะรถชนรถ รถชนของ รถคันอื่นมาชน เกิดอุบัติเหตุนอกเมือง สูญหายไฟไหม้ น้ำท่วม พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางรถยนต์ (Roadside Assistance Service)
สนใจรายละเอียด คลิก หรือ โทร.1596 ตลอด 24 ชั่วโมง
สินมั่นคงประกันภัย ...ประกันรถ ประกันเวลา...
ตรวจเช็กสภาพยาง...เมื่อไรที่ควรเปลี่ยน?
1. ดอกยางหมด
เพราะร่องยางมีหน้าที่ในการรีดน้ำ ฝุ่น และโคลน หากร่องยางตื้น จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับดอกยางมากขึ้น ยิ่งร่องยางเหลือตื้นมากเท่าไร ยิ่งเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่หากต้องเจอกับสภาพถนนที่เปียกน้ำ แม้ว่าส่วนประกอบของยางยังดีอยู่ ทำให้ยังสามารถใช้งานบนถนนที่เรียบและแห้งได้ดีกว่ายางมีดอกที่มีความกว้างเท่ากันเพราะมีพื้นที่สัมผัสถนนมากกว่า แต่รถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะต้องเจอกับสภาพถนนแบบใดเมื่อยางดอกหมดหรือมีความลึกต่ำกว่าที่กำหนด (ต่ำกว่า 2 มม.) ควรเปลี่ยนยางทั้งชุดเพื่อความปลอดภัย โดยยางเกือบทุกรุ่นจะมีสัญลักษณ์บอกระดับความลึกของดอกยาง เป็นแท่งเชื่อมระหว่างดอกยางกับบริเวณส่วนลึกสุดของร่องยาง (ไม่ใช่ทุกร่อง) เมื่อไรที่ดอกยางสึกจนถึงแท่งนี้ แสดงว่าควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่
2. เนื้อยางแข็ง
ยางรถยนต์ส่วนใหญ่ เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งจะได้รับความร้อนจากสภาพอากาศ พื้นถนน และการบิดตัวของยางเอง ซึ่งเกิดขึ้นตลอดการหมุนของล้อรถยนต์ เมื่อเนื้อยางเริ่มแข็งขึ้น การสึกของดอกยางก็จะช้าลง จะทำให้มองเห็นว่าร่องยางยังลึกอยู่ แต่แรงเสียดทานระหว่างดอกยางกับผิวถนนจะมีน้อยลง และโครงสร้างภายในของยางก็เสื่อมสภาพลงด้วยทดสอบได้โดยการใช้เล็บจิกลงบนเนื้อของหน้ายาง เปรียบเทียบกับยางใหม่ ๆ ที่สามารถจิกลงไปในเนื้อยางได้ง่ายและลึกกว่า หากดอกยางยังไม่หมดและยังต้องการใช้งานต่อ เมื่อยางรถยนต์อายุเกิน 3 ปี หรือเกิน 50,000 กิโลเมตร ต้องหมั่นตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ และควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนมาใช้ยางเก่าที่ค้างเก็บในสต๊อกของร้าน เพราะจะทำให้ระยะเวลาในการใช้ยางสั้นลงกว่า 3 ปี
3. ยางเสียงดัง
เป็นผลต่อเนื่องมาจากการแข็งตัวของเนื้อยาง ทำให้ขาดความยืดหยุ่น ลื่น และเกิดเสียงดังขึ้นขณะขับขี่ โดยเฉพาะยางที่มีดอกขนาดใหญ่ และร่องยางห่าง ซึ่งปกติจะทำให้เกิดเสียงดังอยู่แล้ว เมื่อผ่านการใช้งานไปนาน ๆ ก็จะมีเสียงดังมากขึ้น อ่าน เสียงจากยางรถยนต์ดังบอกอะไรกับเราบ้าง คลิก4. แก้มยางบวม
มักเกิดจากการหมดอายุของโครงสร้างยางภายใน หรือการกระแทกอย่างรุนแรง เช่น การขับตกหลุมหรือเบียดเข้าขอบทางเท้า จนโครงสร้างภายในบริเวณแก้มยางแตกหักเสียหาย บริเวณแก้มยางจะป่องออกมาคล้ายลูกมะนาว ซึ่งมีอันตรายมากอาจถึงขั้นยางระเบิด โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นบริเวณแก้มยางด้านใน ซึ่งสังเกตได้ยากยืดอายุยางอย่างไร? ให้ปลอดภัยและใช้งานได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการจอดหรือขับรถทับน้ำมันที่อาจหกอยู่บนพื้น เพราะน้ำมันทุกชนิดมีผลทำให้ยางบวมหรือร่อน หรือหากมีน้ำกรดโดนยาง ควรล้างออกด้วยน้ำสบู่เท่านั้น เพราะสบู่มีค่าเป็นด่างจะช่วยล้างความเป็นกรดออกได้
- ตรวจสอบสภาพของกระทะล้อและวาล์วเติมลมเป็นประจำ เพราะเมื่อยางเกิดแบนหรือรั่วซึมมักมีสาเหตุมาจาก 2 จุดนี้ ไม่ได้เกิดจากตัวยางโดยตรง นอกจากนี้ ยังควรมีฝาปิดจุกเติมลมให้มิดชิดเพื่อป้องกันลมรั่ว
- เมื่อรถเสียและต้องถูกลากเป็นระยะทางไกล (สำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า) ควรเพิ่มแรงดันลมยางที่ล้อหลังอีก 3-4 ปอนด์/ตารางนิ้ว
- ไม่ควรเข้าโค้งอย่างรุนแรง หรือการออกตัวแบบกระชากกระชั้น จะทำให้ยางสึกเร็วกว่าปกติ
- ควรแคะก้อนกรวดที่ค้างอยู่ในร่องยางออกให้หมด เพราะสิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ เบียดลงไปในร่องยางจนทำให้ทิ่มตำเนื้อยางจนเกิดความเสียหายกับยางได้
แม้การดูแลรักษาและยืดอายุยางรถยนต์จะช่วยให้คุณขับขี่ปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น แต่จะปลอดภัยยิ่งกว่าหากไว้วางใจให้สินมั่นคงประกันภัยช่วยดูแลคุณ ด้วยประกันภัยรถยนต์คนกรุง ผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท อัตราเบี้ยคงที่เท่ากันทุกปีคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะรถชนรถ รถชนของ รถคันอื่นมาชน เกิดอุบัติเหตุนอกเมือง สูญหายไฟไหม้ น้ำท่วม พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางรถยนต์ (Roadside Assistance Service)
สนใจรายละเอียด คลิก หรือ โทร.1596 ตลอด 24 ชั่วโมง
สินมั่นคงประกันภัย ...ประกันรถ ประกันเวลา...
ไม่มีความคิดเห็น: