Ads Top

SMK Insurance

6 สัญญาณบอกปั๊มติ๊กมีปัญหา


อุปกรณ์ในรถยนต์นี้หลายคนอาจไม่รู้จัก  แต่เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ เพราะรถต้องใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้ในการขับเคลื่อน อุปกรณ์นี้ทำหน้าที่ดูดน้ำมันเชื้อเพลิง  เพื่อส่งให้ระบบทำการเผาไหม้ อุปกรณ์ที่ว่านี้ คือ "ปั๊มติ๊ก" นั่นเอง  มีข้อมูลเกี่ยวกับ "ปั๊มติ๊ก" และ วิธีสังเกต"ปั๊มติ๊ก"ว่าเริ่มมีปัญหา มาแนะนำกันดังนี้


"ปั๊มติ๊ก" จะจุ่มอยู่ในถังน้ำมันเพื่อดูดน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังน้ำมันส่งให้ระบบเพื่อทำการเผาไหม้ ปัจจุบันปั๊มติ๊กถูกขับด้วยเฟือง/มอเตอร์ไฟฟ้า โดยปั๊มติ๊กจะทำงานคู่กับกรองน้ำมันเบนซินและเรกกูเรเตอร์เพื่อกรองน้ำมันและควบคุมแรงดันน้ำมันก่อนส่งเข้ารางหัวฉีด

สาเหตุที่เรียกว่า "ปั๊มติ๊ก" เนื่องจาก"ปั๊มติ๊ก"สมัยก่อนจะใช้หลักการขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าในการดันไดอะแฟรม เพื่อสูบจ่ายน้ำมันจึงมีเสียง “ติ๊ก” แต่ในเครื่องยนต์ปัจจุบันที่ใช้ระบบหัวฉีดซึ่งต้องการแรงดันที่สูงขึ้น จึงต้องเปลี่ยนเป็นปั๊มระบบไฟฟ้าซึ่งปั๊มแบบนี้จะมีแรงในการดูดน้ำมันต่ำแต่มีแรงฉีดสูง จึงต้องติดตั้งปั๊มในถังน้ำมัน ปั๊มติ๊กในรถรุ่นใหม่จะที่ติดตั้งในถังน้ำมันเลย




6 สัญญาณที่บอกว่า"ปั๊มติ๊ก"เริ่มเสื่อม

1. เครื่องสะดุดที่ความเร็วคงที่ เนื่องจากปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพแรงดันจึงขาดช่วงหรือทำให้สร้างแรงดันไม่ถึงค่าที่เหมาะสมได้ในบางครั้ง

2. สตาร์ทแล้วเครื่องสะดุดหรือกระตุก เนื่องจากปั๊มติ๊กไม่สามารถส่งน้ำมันที่มีแรงดันที่เหมาะสมตามความต้องการของระบบได้เพียงพอในการผสมกับอากาศ เพื่อเกิดการเผาไหม้ส่งผลให้เกิดการสะดุดหรือกระตุกระหว่างการติดเครื่อง

3. เครื่องไม่มีกำลังหรือกระตุกเมื่อขับรถขึ้นทางชันหรือใช้ลากจูง เพราะปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพ สภาวะปกติจึงสามารถสูบน้ำมันจ่ายให้ระบบด้วยแรงดันปกติได้ แต่เมื่อระบบต้องการน้ำมันมากขึ้น/แรงดันมากขึ้น ปั๊มติ๊กจะไม่สามารถ support ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของระบบได้

4. เครื่องวูบเมื่อวี่งด้วยความเร็วคงที่ สาเหตุของอาการนี้มาจาก มอเตอร์ในปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพ ปั๊มจึงไม่สามารถรักษาแรงดันให้เสถียรตามค่าปกติ (คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอาการนี้เกิดจากกรองน้ำมันเบนซินเสื่อมสภาพ)

5. รถสตาร์ทไม่ติด เมื่อสตาร์ทยังได้ยินเสียงไดสตาร์ทและเครื่องยนต์ทำงานแต่ไม่มีน้ำมันฉีดเข้าระบบ ควรตรวจสอบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงได้ที่ฟิวส์ว่าขาดหรือไม่ ถ้าฟิวส์ไม่ขาด ตรวจสอบแรงดันของระบบ ถ้าไม่มีแรงดันแสดงว่าปั๊มติ๊กไม่ทำงาน




วิธีการดูแล"ปั๊มติ๊ก"

1. ควรเติมน้ำมันที่สะอาดมีคุณภาพ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมไปอุดตันหรือสร้างความเสียหายที่ตัวปั๊มติ๊ก น้ำมันสกปรกทำให้ปั๊มติ๊กเสียได้ เพราะสิ่งปนเปื้อนที่มีขนาดใหญ่กว่า 70 ไมครอน จะไม่สามารถผ่านกรองเบนซินได้ แต่สิ่งปนเปื้อนที่มีขนาดเล็กกว่า (30-40 ไมครอน) จะผ่านไปได้และเข้าไปสร้างความเสียหายให้กับแปรงถ่านของปั๊มติ๊กทำให้สึก เมื่อสึกมากๆเข้าปั๊มติ๊กก็จะมีความต้องการกระแสไฟฟ้ามากขึ้นทั้งๆที่ยังสูบน้ำมันที่ความดันเท่าเดิม ส่งผลให้ขั้วข้อต่อไฟฟ้าของปั๊มติ๊กไหม้ ดังนั้นก่อนเปลี่ยนปั๊มติ๊กตัวใหม่ อย่าลืมเช็คข้อต่อด้วยว่ามีรอยไหม้หรือไม่ ถ้าขั้วข้อต่อไหม้และไม่ได้เปลี่ยนใหม่ ถึงเปลี่ยนปั๊มติ๊กตัวใหม่ก็จะเสียอีก

2. ควรเติมน้ำมันให้มากกว่าระดับ ¼ ของถังอยู่เสมอ เพื่อเป็นการหล่อลื่นและระบายความร้อนให้กับปั๊มติ๊กและปั๊มติ๊กจะไม่ต้องทำงานสูบน้ำมันในระดับที่ต่ำจนเกินไป น้ำมันที่ไหลผ่านปั๊มติ๊กช่วยให้ปั๊มติ๊กไม่ร้อนและมีการหล่อลื่น เมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อยปั๊มติ๊กก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำลงไป ประกอบกับไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่นปั๊มติ๊ก ทั้งสองเหตุผลนี้คือสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพ

3.  ถ้าต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรถ่ายน้ำมันเก่าที่ค้างออกแล้วเติมน้ำมันใหม่เข้าไป ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรถ่ายน้ำมันเก่าออกให้หมดแล้วใส่น้ำมันใหม่ไปแทนที่เพราะปัจจุบันผู้ใช้รถนิยมเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลซี่งมีส่วนผสมของเอทานอล โดยน้ำมันที่ผสมเอทานอลมักจะชอบดูดความชื้น และเมื่อจอดรถไว้นานๆโดยไม่ได้ขับ น้ำมันกับน้ำจะแยกชั้นกันในถังน้ำมัน  และปั๊มติ๊กที่จุ่มอยู่ในถังน้ำมันจึงมีโอกาสเกิดสนิมกับส่วนที่เป็นโลหะของปั๊มได้ แม้ถังน้ำมันของรถบางยี่ห้อจะไม่ใช่โลหะ แต่น้ำในถังน้ำมันก็ยังก่อให้เกิดสนิมกัดกินตัวปั๊มติ๊กและก้านลูกลอยได้

4. สำหรับรถติดแก๊ส ควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันบ้าง เนื่องจากกรองเบนซินตันหรือเสีย ก็จะมีอาการคล้ายๆปั๊มติ๊กเสีย คือสตาร์ทไม่ติดบ้าง หรือสตาร์ทติดแต่กระตุก ดังนั้นถ้าพบว่ากรองเบนซินตันหรือเสียควรรีบเปลี่ยน


ดูแลรถคุณด้วยผู้เชี่ยวชาญ กับ ประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์ จากสินมั่นคงประกันภัย
สามารถนำรถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์รถยนต์ทั่วประเทศ 
คลิก www.smk.co.th/PreMotor.aspx  หรือ โทร. 1596

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.