Ads Top

SMK Insurance

7 โรคต้องระวัง!! ช่วงฤดูฝน




ช่วงนี้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก ฝนที่ตกลงมาไม่เพียงจะให้ความชุ่มฉ่ำและทำให้อากาศเย็นสบายเท่านั้น แต่ช่วงนี้อาจเป็นช่วงที่สภาพอากาศเหมาะสม ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว และเราอาจเจ็บป่วยได้ง่าย จึงต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษและเตรียมรับมือกับ 7 โรคที่อาจทำให้เราและคนในครอบครัวเจ็บป่วยได้  มีคำแนะนำในการดูแลสุขภาพป้องกันโรคในช่วงนี้มาฝากกัน




1.  โรคไข้เลือดออก

“ไข้เลือดออก” เป็นโรคร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากไวรัสเดงกี ซึ่งมีอยู่ 4 สายพันธุ์ การติดเชื้อครั้งแรกมักมีอาการไม่รุนแรง แต่ถ้าติดเชื้อครั้งที่ 2 โดยเชื้อที่ต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก อาการของโรคมักจะรุนแรงถึงขั้นเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ช็อก หรือเสียชีวิต

สาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค หลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อกัดประมาณ 5-8 วัน จะมีไข้สูงมาก ไข้ไม่ลด เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เซื่องซึม ควรรีบไปพบแพทย์ โดยสันนิษฐานไว้ก่อนว่า อาจเป็นไข้เลือดออก เพราะโรคอาจมีอาการรุนแรงคือเลือดออกผิดปกติ มือเท้าเย็น หรือช็อคได้

อาการ  ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง (38.5-41 องศาเซลเซียส) ติดต่อกัน 2-7 วัน หน้าแดง ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อ กระดูก เบื่ออาหาร ปวดท้อง อาเจียน จากนั้นจะมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว

ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง หลังจากไข้ลดลง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจเกิดภาวะช็อกหลังไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจะมีอาการซึม กระสับกระส่าย กระหาย เหงื่อออก ตัวเย็น ปากเขียว ชีพจรเบาอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะน้อยลง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตภายใน 12-24 ชั่วโมง

การดูแลรักษา เมื่อมีอาการไข้ขึ้นสูง ห้ามกินยาแอสไพรินเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น ให้หมั่นเช็ดตัวและดื่มน้ำเพื่อลดไข้ สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ควรรีบไปพบแพทย์





2. โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส

โรคหวัดหลายสายพันธุ์ที่พัฒนา ทำให้เกิดอาการคออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หรือปอดบวม มักเกิดจากการที่ร่างกายอ่อนแอ เพราะอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง จนติดเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ หรือในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยที่ไอ จาม ออกมา

อาการ  หากมีไข้ ไอ หายใจเร็ว หรือหอบเหนื่อย ให้รีบไปพบแพทย์ ผู้สูงอายุ และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

การดูแลรักษา สวมหน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าปิดปากและจมูก เมื่อ ไอ จาม หมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจไปสัมผัสมา หลีกเลี่ยงการคลุกคลี หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อป้องกันการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย




3. โรคท้องเสีย อาหารเป็นพิษ 

เกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำ ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ ที่ก่อให้เกิดลำไส้อักเสบติดเชื้อ เกิดความผิดปกติในระบบทางเดินอาหารตามมา โดยจะมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาจมีไข้ ปวดบิดในท้อง และหากติดเชื้อบิดอาจมีมูก หรือเลือดปนอุจจาระได้ ทั้งโรคอุจจาระร่วง โรคบิด ไข้ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ และตับอักเสบ เป็นต้น 

อาการ จะมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ มีไข้ ปวดบิดในท้อง หากติดเชื้อบิด อาจมีมูก หรือเลือดปนอุจจาระได้ ผู้ที่มีอาการตับอักเสบ จะมีไข้ อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลืองหรือดีซ่าน คลื่นไส้อาเจียน

การดูแลรักษา ระมัดระวังเรื่องอาหารที่กินเข้าไป กินแต่อาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด และใช้ช้อนกลาง ไม่กินอาหารที่ปรุงค้างไว้นานเกิน 6 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนชื้น เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค




4. โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา

โรคน้ำกัดเท้า เกิดจากเชื้อรา มักมีสาเหตุจากต้องเดินลุยน้ำสกปรก เป็นแหล่งของเชื้อโรคทำให้เกิดแผลติดเชื้อ คันตุ่มหนอง ควรล้างมือ ล้างเท้าบ่อยๆ หลังจากกลับเข้าบ้าน

อาการ ที่พบได้บ่อย ผิวหนังตรงส่วนซอกนิ้วเท้าแดง ขอบนูนเป็นวงกลม คัน เมื่อเกาแผลจะแตก และมีน้ำเหลืองเยิ้มออกมา

การดูแลรักษา หลีกเลี่ยงการเดินในที่ที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมสูง แต่หากจำเป็น ควรต้องหารองเท้าบูทมาใส่ รีบล้างเท้าและเช็ดเท้าให้แห้งทุกครั้ง หากผิวหนังเริ่มเปื่อย เกิดตุ่มคัน ซอกนิ้วเท้าแดง มีขอบนูน หรือมีบาดแผล ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษาอาการดังกล่าว ก่อนจะลุกลามจนทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน


5. โรคผื่นภูมิแพ้

เมื่ออากาศมีความชื้นสูง อากาศรอบตัวเปลี่ยนแปลง ผู้ที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้มักมีประวัติแพ้อากาศ ไอ จามบ่อยๆ หอบหืด หรือเยื่อบุตาอักเสบ โดยคนในครอบครัวของผู้ป่วยมักมีประวัติโรคภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ ไอ จามบ่อยๆ หอบหืด หรือผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ 

อาการ ที่พบได้บ่อย ผิวหนังโดยทั่วไปของผู้ป่วยจะค่อนข้างแห้ง มักพบผื่นบริเวณรอบคอ ข้อพับแขนขา คล้ายที่พบในเด็กโต ในรายที่เป็นมากๆ ผื่นจะเกิดทั่วร่างกายได้เช่นกัน ผู้ป่วยโรคนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดผิวหนังอักเสบบริเวณมือได้ง่าย

การดูแลรักษา หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบมากขึ้น เช่น หลีกเลี่ยงการใช้หรือสัมผัสกับสารระคายเคือง ใช้สบู่อ่อนๆ ไม่ควรใช้สบู่บ่อยเกินไป ใช้ผงซักฟอกเลือกชนิดที่ระคายเคืองน้อย ควรซักล้างออกให้หมด เสื้อผ้าควรเลือกใช้เสื้อผ้านุ่มโปร่งสบาย เช่น ผ้าแพร ผ้าฝ้าย หลีกเลี่ยงผ้าขนสัตว์ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากๆ


6. โรคฉี่หนู 

เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่อยู่ในปัสสาวะของหนูหรือสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว โค กระบือ และสัตว์ฟันแทะทั้งหลายเป็นพาหะ โดยเชื้อเหล่านี้จะปะปนอยู่ในน้ำที่ท่วมขัง หากสัมผัสถูกเชื้อ จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล รอยขีดข่วน เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา และเยื่อบุในช่องปากได้อย่างง่ายดาย

อาการ ที่พบได้บ่อย หลังได้รับเชื้อประมาณ 1-2 อาทิตย์ จะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่อง และโคนขาอย่างรุนแรง ตาแดง คอแข็ง มีไข้ติดต่อกันหลายวันสลับกับไข้ลด ในกรณีที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการเบื่ออาหาร อาจมีจุดเลือดออกที่เพดานปาก หรือตามผิวหนัง จนกระทั่งตับวาย ไตวาย หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ช็อคได้

การดูแลรักษา สำหรับผู้ที่มีไข้ไม่สูงมาก ควรเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ และกินยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล แต่ห้ามใช้แอสไพรินเด็ดขาด หากต้องเดินย่ำน้ำท่วม หรือน้ำสกปรก ควรสวมใส่รองเท้าบูทให้เรียบร้อย ต้องรีบล้างเท้าให้สะอาดทุกครั้ง และเช็ดเท้าให้แห้ง หากมีประวัติหรือมีอาการเสี่ยง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะผู้ป่วยอาจถึงแก่ชีวิตได้


7. โรคตาแดง

โรคตาแดงเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ที่พบส่วนใหญ่มักเป็นเชื้อไวรัส โดยเฉพาะเชื้อไวรัส adenovirus ซึ่งอาจเกิดพร้อมกับโรคหวัด หรือการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ติดต่อได้ง่ายจากการสัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรง เช่น สัมผัสกับขี้ตาหรือน้ำตาที่ติดอยู่บนมือ หรือสิ่งของที่ผู้ป่วยสัมผัส จากการใช้สิ่งของร่วมกัน และจากการหายใจหรือไอจามรดกัน

เชื้อโรคแพร่ระบาดได้ตามสถานที่ที่มีผู้คนอยู่ร่วมกันมากๆ เช่น รถโดยสารสาธารณะ โรงพยาบาล โรงเรียน และมักพบในกลุ่มเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กไม่ระวังหรือป้องกันตัวเองจากเชื้อโรค มากเท่ากับผู้ใหญ่ 

อาการ เกิดจากการอักเสบหรือติดเชื้อของเยื่อบุตา ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อบางใสที่คลุมอยู่ด้านในของเปลือกตาและบนตาขาว อาการของโรคที่สังเกตได้คือ ตาแดง ปวดเล็กน้อยในเบ้าตา คันตา เคืองตา รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในดวงตา น้ำตาไหล  เปลือกตาบวม อาจพบตุ่มเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไป ในกรณีที่ติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย จะมีขี้ตามากทำให้ลืมตายากในช่วงตื่นนอน

การดูแลรักษา  ใช้น้ำตาเทียมเพื่อลดอาการระคายเคือง หรือประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบ ในกรณีที่มีอาการร่วมอื่นๆ เช่น มีไข้ เจ็บคอ รวมถึงให้ยาหยอดยาฆ่าเชื้อที่ตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจตามมา

วิธีป้องกัน หมั่นล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ และล้างทันทีหากสัมผัสใบหน้า ดวงตา หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย  หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้ตา เพราะจะทำให้อาการแย่ลง หรือทำให้ดวงตาอีกข้างติดเชื้อได้ ใช้กระดาษทิชชูชนิดนุ่มเช็ดขี้ตา หรือซับน้ำตาบ่อยๆ แล้วทิ้งในถังขยะที่ปิดมิดชิด ไม่ใช้ยาหยอดตาขวดเดียวกันกับดวงตาทั้งสองข้าง และให้หยอดตาเฉพาะข้างที่มีอาการเท่านั้น ไม่ใช้ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ผ้าห่ม ร่วมกับผู้ป่วย

การดูแลสุขภาพป้องกันโรคในฤดูฝน

    - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลร่างกายตนเองให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ

    - ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นทานผักและผลไม้ที่มีวิตามิน C, E และเบต้าแคโรทีน เช่น ข้าวโพด แครอท ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ ดื่มน้ำสะอาด

    - หากพบความผิดปกติบริเวณผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโดยตรง เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี

    - สวมเสื้อผ้ารักษาร่างกายให้อบอุ่น เนื่องจากสภาพอากาศมีความชื้นสูง จะทำให้ร่างกายที่มีระดับภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าคนวัยอื่นๆ

    -  เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เพื่อให้จุดอับชื้นต่างๆ ในร่างกายมีการระบายได้ดี

    - ควรซักเสื้อผ้าให้สะอาด และตากแดดให้แห้งสนิท โดยเฉพาะเสื้อผ้าประเภทที่มีเนื้อผ้าหนา เพราะเนื้อผ้าประเภทนี้มักแห้งช้ากว่าผ้าปกติ

    -  ดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำต้ม รับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ ไม่มีแมลงวันตอม

    - ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง และควรใช้ช้อนกลางทุกครั้ง

    - ป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด และรวมไปถึงการรักษาความสะอาดร่างกายให้มากยิ่งขึ้น


ป้องกันดีแค่ไหน แต่ภัยร้ายจากยุงลาย ก็ทำร้ายเราได้มากกว่าที่คิด ประกันภัยไข้เลือดออก ประกันสุขภาพจากสินมั่นคงประกันภัย เบี้ยเริ่มต้น 203 บาทต่อปี ค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยสูงสุดถึง 195,000 บาท ช่วยให้คุณอุ่นใจเรื่องค่ารักษาพยาบาลจากโรค “ไข้เลือดออก” คุ้มครองทั้งกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) พร้อมค่าชดเชยรายวันระหว่างรักษาตัว ร่วมปกป้องคนที่คุณรักตั้งแต่วันนี้ สนใจรายละเอียด คลิก www.smk.co.th/prehealth.aspx หรือ โทร.1596 ตลอด 24 ชั่วโมง
สินมั่นคงประกันสุขภาพ ..เราประกัน คุณมั่นใจ..



ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.