Ads Top

SMK Insurance

วิธีตรวจเช็ก...."โช๊คอัพ"... รถยนต์อย่างง่ายๆ

 



"ระบบช่วงล่าง" ของรถยนต์เป็นอีกระบบที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนรถยนต์ การใช้งานรถยนต์หนักเกินไปอาจทำให้เกิดการสึกหรอได้ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับรถ หากขับแบบไม่ถนอมช่วงล่างรถยนต์  อาจทำให้โช๊คอัพของเราพังก่อนอายุการใช้งาน เราควรเลี่ยงการไม่ขับรถ ตกหลุมบ่อ หรือกระแทกบ่อยๆ ก็จะช่วยถนอม"โช๊คอัพ" ของเราได้ แต่หากมีอาการผิดปกติกับช่วงล่างเราจะมีวิธีการตรวจสอบ "โช๊คอัพ" ได้อย่างไร มีคำแนะนำดังนี้


" โช๊คอัพรถยนต์ " เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อรถในการช่วยรองรับแรงกระแทกให้กับรถได้ในการขับรถ และช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของรถ ทำให้การทำงานของช่วงล่างเกิดความนุ่มสบายในการขับขี่ และ ช่วยในการทรงตัวของรถ

"โช๊คอัพ" (Shock Absorber) มีหน้าที่ช่วยควบคุมการดีดตัวของสปริง แหนบ หรือช่วงล่างให้สอดคล้องไปกับสภาวะของผิวถนนขณะที่รถวิ่ง จะช่วยลดการเสียดสีและการสึกหรอของยาง ไปจนถึงอะไหล่ช่วงล่าง โดยเฉพาะลูกหมาก ระบบกันสะเทือน ตลอดจนช่วยให้รถยนต์เกาะถนนได้ดีขณะเข้าโค้งได้

ประเภทของโช๊คอัพ สามารถแบ่งตามคุณสมบัติ ออกเป็น 2 ระบบ คือ

1. ระบบน้ำมัน โดยชนิดนี้จะทำงานด้วยระบบไฮดรอลิค ในขณะใช้งานน้ำมันไฮดรอลิคจะไหลผ่านวาล์วภายในทำให้เกิดฟองอากาศ  

2. ระบบแก๊ส เป็นระบบโช๊คที่ใช้แรงดันต่ำ จะมีลักษณะเหมือนโช๊คอัพไฮดรอลิคแบบทั่วๆไป แต่จะต่างกันก็คือใช้แก๊สไนโตรเจนเป็นตัวบรรจุเข้าไปแทน




อายุการใช้งานของโช๊คอัพ

โดยปกติแล้วจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 50,000-100,000 กม. หรือ 3 ปี แต่ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการติดตั้งที่ถูกต้องด้วย แนะนำให้ตรวจสอบโช๊คอัพทุกๆ 20,000 กม.


โช๊คอัพชำรุดมีส่งผลเสียอย่างไร

- ทำให้รถเสียการทรงตัว ควบคุมการขับได้ไม่ดี เพราะสปริงและระบบรองรับน้ำหนักของรถยนต์จะเต้นจนลอยจากพื้นถนน และหากเกิดในขณะที่ขับรถเข้าโค้งจะเสียสมดุลในการทรงตัวของรถทั้งคันเสียไปจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้

- เมื่อรถตกหลุม สปริงจะมีการยุบและยืดตัวอย่างเต็มที่จนสุดระยะยุบ เป็นผลให้เกิดการกระแทกของชิ้นส่วนของรถ

- ยางสึกผิดปกติ การชำรุดของโช๊คอัพจะส่งผลต่อการสึกของยางเพิ่มขึ้น โดยยางจะมีลักษณะการสึกเป็นหลุม ลึกเป็นช่วงๆ ยางรถยนต์จะสัมผัสกับถนนไม่เต็มหน้า

- ระยะเบรกเพิ่มขึ้น การขับขี่รถยนต์ที่มีการชำรุดของโช๊คอัพ 50% ส่งผลต่อระยะเบรกที่เพิ่มขึ้น 2.6 เมตร ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

- มีโอกาสเกิดอาการเหินน้ำ (Hydroplane) ในขณะที่วิ่งบนถนนที่มีน้ำหรือในขณะฝนตก

- เสี่ยงต่ออุบัติเหตุในเวลากลางคืน การชำรุดของโช๊คอัพทำให้รถโคลงตัว ทำให้ไฟหน้าของรถยนต์ส่องไม่คงที่ ส่งผลให้ผู้ที่ขับรถสวนมา อาจตาพร่ามัว และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ในที่สุด



วิธีตรวจเช็กโช๊คอัพรถยนต์

ดูการคืนตัวของโช๊คอัพ - ให้ใช้มือกดไปที่ฝากระโปรงหน้ารถแล้วปล่อย ถ้ารถยนต์เด้งขึ้นเด้งลงหลายครั้ง หมายความว่าโช๊คอัพรถยนต์เริ่มมีปัญหาหรือเสื่อมสภาพ หากกดกระโปรงหน้าแล้วรถไม่เด้ง แสดงว่ายังใช้งานได้ปกติ

สังเกตรูปทรงของโช๊คอัพ - ให้เช็กดูว่าโช๊คอัพมีรูปทรงที่ผิดแปลกไปหรือไม่ เช่น มีอาการคดงอ บิดเบี้ยว หรือมีรอยบุบ ถ้าเกิดลักษณะแบบนี้ขึ้น โช๊คอัพมีปัญหา ต้องรีบเปลี่ยน

รอยรั่วของน้ำมันบริเวณแกนโช๊คอัพ - ดูรอยน้ำมันที่เกิดขึ้นบริเวณแกนโช๊คอัพ แสดงว่าโช๊คอัพกำลังจะพังแล้ว รีบให้ช่างตรวจสอบทันที
สังเกตอาการของรถในขณะออกตัวและเบรก- ตอนออกตัวรถด้วยความเร็ว แล้วหน้ารถเชิดขึ้น และตอนเบรกที่ใช้ความเร็วต่ำหน้ารถกลับทิ่มลง

ในห้องโดยสารมีการสั่นสะเทือนมากกว่าปกติ - รถมีอาการเด้งขึ้น เด้งลง เวลาขับบนทางขรุขระ หรือเจอลูกระนาด 

รถมีอาการร่อน - ในขณะที่รถของคุณวิ่งอยู่ที่ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วเกิดอาการดังต่อไปนี้ รถเกิดส่ายไปมา ร่อนเมื่อถูกลมปะทะจากด้านข้าง

ตรวจเช็กความร้อนจากกระบอกโช๊ครถยนต์ - หลังดับเครื่องยนต์  ลองแตะดูที่ตัวกระบอกโช๊คอัพ หากจับแล้วร้อน แสดงว่าโช๊คอัพยังปกติ แต่ถ้าไม่ร้อน แสดงว่าโช๊คอัพมีปัญหา

ดอกยางที่ล้อสึกผิดปกติ - ให้สังเกตที่ยางรถยนต์ หากยางไม่เรียบ หรือสึกเป็นบั้งไม่เท่ากัน แสดงว่าโช๊คอัพมีปัญหา




เทคนิคควรรู้เมื่อเปลี่ยนโช๊คอัพใหม่

- ควรหลีกเลี่ยงสภาพถนนที่มีสภาพไม่ดี เป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะจะทำให้โช๊คอัพต้องทำงานหนัก

- การขับรถตกหลุมแรงๆ หรือขับด้วยความเร็วขึ้น-ลง ลูกระนาด ทำอายุการใช้งานสั้นลง

- หลังการติดตั้งโช๊คอัพใหม่ ควรขับรถบนทางเรียบประมาณ 300-500 กม. เพื่อเป็นการวอร์มโช๊คอัพ

- หลังการติดตั้งโช๊คอัพใหม่ต้องผ่านการตั้งศูนย์ล้อด้วยเสมอ

- การเปลี่ยนโช๊คอัพ ควรจะคำนึงถึงให้ความปลอดภัยและการเกาะถนนเป็นหลัก เพราะแม้จะได้ความรู้สึกนุ่มนวลในการขับขี่ แต่การยึดเกาะถนนอาจลดน้อยลงส่งผลต่อความปลอดภัย

- การติดตั้งโช๊คอัพมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ควรได้รับการติดตั้งจากช่างผู้ชำนาญ


หากรถตรวจสอบแล้วพบอาการตามที่กล่าวมา ให้รีบนำรถไปตรวจเช็ก ซ่อมแซม เพื่อความปลอดภัย 
เพราะบนท้องถนนเต็มไปด้วยอุปสรรคระหว่างทางมากมาย 
เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ด้วย 
ประกันภัยรถยนต์ สินมั่นคง พร้อมดูแล ด้วยบริการที่สะดวก รวดเร็ว โทร. 1596 หรือ  www.smk.co.th/PreMotor.aspx 
สินมั่นคงประกันภัย ..ประกันรถ ประกันเวลา.. 

ที่มา : dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.