ร่างกายหนูส่วนไหนที่ผู้ใหญ่ห้ามแตะต้อง! สอนลูกให้เข้าใจ “สิทธิเด็ก”
การคุกคามเด็ก และ ความรุนแรงในเด็ก ดูเหมือนจะมีให้เห็นในหน้าฟีดข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งข่าวการทำร้ายร่างกายเด็กจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตโดยพ่อแม่แท้ๆ ของเด็กเอง หรือข่าวการแสดงความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกจนอาจเกินขอบเขตความเหมาะสม สร้างความสะเทือนใจปนสงสัยว่า ในความจริงแล้วขอบข่ายของคำว่า “สิทธิเด็ก” อยู่ตรงไหน? สินมั่นคงประกันสุขภาพ มีข้อมูลมาเล่าให้ฟัง
“สิทธิเด็ก” คืออะไร?
กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้นิยามความหมายไว้ว่า “สิทธิเด็ก” หมายถึง บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบรูณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะกระทำการใด ๆ ได้อย่างอิสระ โดยได้รับความคุ้มครองจากกฎหมาย และเด็กทุกคนจะต้องได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งองค์การสหประชาชาติ ดังนี้
- สิทธิในการมีชีวิต เด็กทุกคนเมื่อเกิดมาแล้วจะมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเกิดมามีร่างกายที่สมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม มีสิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด ทั้งด้านสุขภาพร่างกาย จิตใจ ที่พักอาศัย โภชนาการและการบริการทางการแพทย์เมื่อป่วยไข้ สิทธิที่จะได้รับอาหารในปริมาณที่เพียงพอและสะอาด สิทธิที่จะได้รับปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
- สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย เป็นสิทธิที่เด็กได้รับปกป้องคุ้มครองจากการทารุณกรรมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทารุณกรรมทางร่างกาย จิตใจ การล่วงเกินทางเพศ รวมถึงการใช้แรงงานเด็ก
- สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา เด็กทุกคนต้องได้รับสิทธิให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับพัฒนาการ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมในกิจกรรมครอบครัว โรงเรียน และสังคมที่เด็กอยู่ได้อย่างมีความสุข มีโอกาสเล่น พักผ่อน ได้รับข้อมูลข่าวสาร มีอิสระในการคิดและการแสดงออก ได้รับการกล่อมเกลาทางด้านจิตใจ ความรู้ ความคิดที่เหมาะสมกับวัย
- สิทธิในการมีส่วนร่วม เป็นสิทธิที่ให้ความสำคัญกับการแสดงออกทั้งในด้านความคิดและการกระทำของเด็กในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม รวมทั้งสิทธิในการปกป้องเรียกร้องผลกระทบที่เกิดกับชีวิตความเป็นอยู่ของเด็ก ด้วยการอนุญาตให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตนเองและสามารถแสดงความคิดเห็นโดยไม่กระทบสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
สอนลูกอย่างไร? ให้เข้าใจ “สิทธิในร่างกาย” ของตัวเอง
คงเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ว่าควรสอนลูกอย่างไร? ให้รู้จักปกป้อง “สิทธิในร่างกาย” ของตัวเอง และรอดพ้นจากความเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น รพ.รามาธิบดีฯ เจ้าของเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน ได้ให้คำแนะนำไว้เบื้องต้น ดังนี้
- พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเข้าใจ ว่าลูกมีสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง “เสมอ” และควรเป็นตัวอย่างของการไม่ละเมิดสิทธินั้นเสียเอง เพื่อให้เด็กไม่เกิดความสับสน หรือเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่ได้
- หลายครั้งด้วยความรักและความใกล้ชิด เด็ก ๆ จึง “ไม่สามารถ” กล้าปฏิเสธ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด และบางครั้งเด็กก็เล็กเกินไป จนแยกไม่ได้ ระหว่างการแสดงความรักกับการถูกล่วงละเมิด
- การล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากคนในครอบครัว ดังนั้นผู้ใหญ่ในบ้านต้องช่วยกันสอดส่องดูแล สอนลูกเรื่อง "สิทธิในร่างกายตนเอง" ลูกเป็นเจ้าของร่างกายตนเอง มีสิทธิปฏิเสธ ไม่ให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนในหรือนอกครอบครัว
- การแสดงความรัก ควรอยู่ในขอบเขตที่ไม่มากเกินไป และไม่สร้างความอึดอัดใจให้กับผู้รับ ไม่ควรลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เช่น พื้นที่ในร่มผ้า หน้าอก ก้น อวัยวะเพศ และ “ทุกพื้นที่” ที่ลูกดูมีความอึดอัดใจเมื่อเราไปสัมผัส หรือเมื่อลูกแสดงอาการปฏิเสธ แข็งขืน หรือดูอึดอัดใจ ให้เคารพความรู้สึกของลูกเสมอ
- สอนลูกด้วยประโยคที่เข้าใจง่าย เช่น "มีบางคนเข้ามายุ่งกับร่างกายของเรา โดยที่เราไม่เต็มใจ และไม่อยากให้ทำ เช่น บางคนมาจับหน้าอก มายุ่งกับอวัยวะเพศ มากอด หอม หรือบางทีก็ให้เราไปจับของส่วนตัวเค้าโดยที่เราไม่ยินยอม แบบนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติ และแม่อยากให้ลูกบอกผู้ใหญ่ให้รับรู้เสมอ”
- บอกลูกเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร “การถูกละเมิดไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกกระทำ” ไม่ใช่ความผิดเพราะเราเป็นเด็ก เพราะเราแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่ขาสั้น เมา หรือไม่ดูแลตัวเองให้ดี "ไม่มีใครมีสิทธิที่จะล่วงละเมิดใคร" ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม
- บอกลูกว่า พ่อแม่จะอยู่กับลูกเสมอ ถ้ามีใครมาทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ ให้บอกพ่อแม่ได้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม ไม่บังคับให้ลูกกอดหอมใคร หรือให้ใครมากอดหอมลูก โดยที่ลูกรู้สึกไม่เต็มใจ ลูกจะสับสนในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ และไม่แน่ใจในสิทธิในเนื้อตัวร่างกายตนเอง
- การโพสต์อะไรลงใน social ให้คิดไว้เสมอว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ถ้าเป็นไปได้ควรไตร่ตรองสิ่งที่จะลงไป และขออนุญาตลูกก่อนลงทุกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น: