Ads Top

SMK Insurance

คาร์บอนเครดิตคืออะไร แลกเปลี่ยนได้อย่างไร

จากปัญหาภาวะโลกร้อน (Global warming) เปลี่ยนเป็น ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) แสดงถึงความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกำลังส่งผลต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตมากมายบนโลกจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น กลายเป็นภัยจากธรรมชาติที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มปริมาณของ "ก๊าซเรือนกระจก" อันได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน,ไนตรัสออกไซด์, ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน, เปอร์ฟลูออโรคาร์บอน, ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ และไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์  ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ที่มีส่วนทำให้เกิด "ก๊าซเรือนกระจก" นี้ เพื่อร่วมกันชะลอปัญหาภาวะโลกร้อนจึงเกิดมาตรร่วมกันของหลายประเทศทั่วโลก โดยใช้ "คาร์บอนเครดิต"  และ “ตลาดคาร์บอนเครดิต” มาช่วยแก้ไขปัญหานี้ แล้วจะช่วยลดโลกร้อนได้อย่างไร สินมั่นคง ประกันภัยบ้าน มีข้อมูลมาบอกกันค่ะ

"คาร์บอนเครดิต" (Carbon Credit)  คือ 

"คาร์บอนเครดิต" คือ สิทธิที่บุคคลหรือองค์กรได้รับจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (จำนวนคาร์บอนฟรุตพรินต์) ในแต่ละปี ซึ่งหากปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ปริมาณคาร์บอนที่เหลือก็จะถูกนำมาตีราคา และสามารถนำไปจำหน่ายในรูปแบบคาร์บอนเครดิต ให้กับองค์กรอื่น ๆ ที่ต้องการได้  "คาร์บอนเครดิต" จึงเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่กระตุ้นให้ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมมากขึ้น

"คาร์บอนเครดิต" ได้ถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ

โดยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดหรือกักเก็บได้จากการทำโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบในระดับโครงการ จะมีหน่วยเป็น "ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า" ที่ได้จากโครงการต่าง ๆ  เช่น  โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ โครงการผลิตพลังงานความร้อนโดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวล โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน โครงการปลูกป่าไม้และอนุรักษ์ป่า เป็นต้น

ซึ่ง "คาร์บอนเครดิต" ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และกระบวนการของแต่ละมาตรฐานในการทำโครงการ กรณีของประเทศไทย "คาร์บอนเครดิต"  คือ ใบรับรองปริมาณความสำเร็จในโครงการลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ (T-VER ) ที่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ ทวนสอบจากผู้ประเมินภายนอก และได้รับการรับรองจากคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก  จึงจะได้รับรองผลการลดก๊าซเรือนกระจก หรือ "คาร์บอนเครดิต"  ผู้พัฒนาโครงการจึงจะสามารถนำคาร์บอนเครดิตนี้ไปขายในตลาดคาร์บอนได้ 

"ตลาดคาร์บอนเครดิต" คือ 

"ตลาดคาร์บอนเครดิต" เป็นจุดนัดพบระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ลงทุนหรือบุคคลอื่น ๆ ที่มีเป้าหมายตรงกันด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม พื้นที่กลางสำหรับแลกเปลี่ยนซื้อ–ขาย  "คาร์บอนเครดิต"   เป็นตัวกลางนำสินค้าที่เรียกว่า "คาร์บอนเครดิต"  มาทำการซื้อขายแลกเปลี่ยน  มีการกำหนดราคาสินค้าบนพื้นฐานของการคำนึงถึงปริมาณการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อม

ตลาดคาร์บอนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1. ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Market) 

เกิดขึ้นจากผลบังคับในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามกฎหมาย ผู้ที่เข้าร่วมในตลาดจะต้องมีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย หากผู้ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จะถูกลงโทษ ผู้ที่สามารถปฏิบัติตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จะสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ หรือขึ้นอยู่กับการบัญญัติกฎหมาย

2. ตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจ  (Voluntary Carbon Market)

เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของผู้ประกอบการหรือองค์กรเพื่อเข้าร่วมซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดด้วยความสมัครใจ โดยอาจจะมีการตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองโดยสมัครใจ ไม่ได้มีผลผูกพันตามกฎหมาย  กรณีที่องค์กรใดที่สมัครใจดำเนินโครงการหรือมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม คาร์บอนเครดิตที่ได้จากโครงการดังกล่าวสามารถนำมาขายในตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจ และองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมเกินกว่าปริมาณที่กำหนด สามารถซื้อคาร์บอนเครดิตดังกล่าวเพื่อทำให้ตนเองได้รับสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่สิ่งแวดล้อมอีกครั้งในปริมาณที่ไม่เกินกว่าปริมาณที่กำหนด

สำหรับ"ตลาดคาร์บอนเครดิต"ประเทศไทยได้มีการจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. หรือ Thailand Greenhouse Gas Management Organization (Public Organization :TGO)  ภายใต้กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction: T-VER)  ซึ่งคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองจากโครงการดังกล่าว จะเรียกว่า “เครดิต TVERs” สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) ผ่านปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint)

ประโยชน์ของ "คาร์บอนเครดิต"

  • ช่วยให้เกิดร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีการส่งเสริมการปลูกป่า ทำโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน
  • ในระยะยาวช่วยให้ทุกภาคส่วนช่วยกันมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากยิ่งขึ้น โดยภาคธุรกิจจะขยายการลงทุนให้กลุ่มพลังงานทดแทน, พลังงานสะอาด, เทคโนโลยีเพื่อการประหยัดพลังงาน รวมไปถึงการส่งเสริมภาคเกษตรกรของชุมชน สนับสนุนการปลูกป่าเพื่อสร้างพื้นที่การดูดซับคาร์บอนมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันทั่วโลกมีการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตกันมากกว่า 7 พันล้านตันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความหวังที่จะชะลอปัญหาภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกคนบนโลกเท่านั้นที่ต้องช่วยกัน

ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ให้ความคุ้มครองที่อยู่อาศัยแบบประหยัดสำหรับรายย่อย บ้านอยู่อาศัยและคอนโดมิเนียม ที่รับความเสียหายจาก ภัยจากไฟไหม้ ภัยจากฟ้าผ่าภัยจากการระเบิดทุกชนิด ยกเว้นการก่อการร้าย และ คุ้มครองภัยลมพายุ น้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว และภัยจากลูกเห็บ หรือ ทุกภัยรวมกัน

สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/others/ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย หรือ โทร. 1596 ตลอด 24 ชั่วโมง Line : smkinsurance

และสามารถติดตามเนื้อหาสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.