Ads Top

SMK Insurance

น้ำมันเกียร์ต้องเปลี่ยนก่อนพัง



ในปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่มักเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติ เนื่องมาจากความสะดวกสบายในการขับขี่ ด้วยการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและแม่นยำ เราจึงควรดูแลเกียร์อัตโนมัติ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ และสิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้ามจากผู้ขับขี่ คือการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอ มีข้อมูลการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ มาแนะนำกันดังนี้


ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานน้ำมันเกียร์

1. สภาพอากาศ เมืองไทยเป็นเมืองร้อน อายุการใช้งานลดลง

2. การใช้รถในเมืองที่มีสภาพการจราจรติดขัด
ตามปกติในคู่มือรถมักจะกำหนดให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ที่ทุก 40,000 กิโลเมตร แต่ขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้งานในเมืองที่มีสภาพการจราจรติดขัด แนะนำให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร เพื่อความปลอดภัย การใช้น้ำมันเสื่อมภาพอาจจะส่งผลให้เกิดการสึกหรอของเกียร์จนเกิดการเสียหายได้





คุณสมบัติน้ำมันเกียร์ออโตเมติก

-มีความหนืดที่พอเหมาะ คงความข้นใสได้ในทุกช่วงอุณหภูมิ สามารถแทรกผ่านได้ทุกส่วนภายในห้องเกียร์ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างระหว่างแผ่นคลัตซ์ และวาล์วต่างๆ

-ไม่เป็นฟอง ป้องกันความชื้นและการเกิดสนิมได้ดี

-ทนความร้อนได้สูงโดยไม่เสื่อมสภาพ และต้องไม่ติดไฟ

-ไม่กัดกร่อนชิ้นส่วนภายในห้องเกียร์ทั้ง โลหะ ยาง และพลาสติก



หน้าที่ของน้ำมันเกียร์แต่ละประเภท

น้ำมันเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม ( AUTOMATIC TRANSMISSION FLUID)  หล่อลื่นผิวโลหะ ส่งผ่านกำลังในทอร์ค คอนเวอร์เตอร์ แบบไฮโดไดนามิกส์ จึงต้องไม่เกิดฟอง เวลาถูก “ปั่น” หรือ “กวน” ด้วยความเร็วสูง ต้องรักษาความหนืดหรือความข้นให้คงที่ ในระยะเวลาใช้งานยาวนาน ไม่เสื่อมสภาพง่ายเพราะถูกออกซิเจน และระบายความร้อนชิ้นส่วนภายในต่าง ๆ  

น้ำมันหล่อลื่นเกียร์อัตโนมัติ ซีวีที (CVT-FLUID) 
ต้องสร้างความฝืดระหว่างผิวโลหะ ช่วยต้านการสึกหรอของโลหะได้ดีอีกด้วย

จะเห็นได้ถึงคุณสมบัติที่แตกต่างระหว่างน้ำมันเกียร์ทั้งสองแบบ ดังนั้นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จึงต้องใช้น้ำมันเกียร์ที่ถูกต้องกับรุ่นของเกียร์ หากใช้น้ำมันผิดคุณสมบัติไม่ตรงก็อาจทำให้เกียร์เสียหายได้ 


การตรวจวัดน้ำมันเกียร์

- ดึงเบรกมือ ติดเครื่องยนต์ 2-3 นาที

- เหยียบเบรก โยกคันเกียร์ไปตำแหน่งต่างๆ ให้ครบทุกตำแหน่งก่อนหยุดที่ตำแหน่ง P

- ดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ ออกมาเช็ดด้วยผ้าสะอาด

- เสียบก้านวัดลงไปใหม่แล้วดึงขึ้นมาอ่านค่า

- สังเกตระดับน้ำมันเกียร์ที่ก้านวัด จะต้องไม่ต่ำกว่าขีดล่าง (cool) ในกรณีเครื่องเย็น และไม่สูงเกินขีดบน (hot) ในขณะเครื่องร้อน

- หากน้ำมันเกียร์ต่ำกว่าระดับที่กำหนด ต้องหาน้ำมันเกียร์เกรดที่ผู้ผลิตกำหนดมาเติม ตามคู่มือรถ

- น้ำมันเกียร์บอกสภาพของเกียร์ได้ โดยเกียร์ที่สมบูรณ์ น้ำมันเกียร์จะต้องมีสีแดงหรือเหลือง สะอาด ไม่เป็นฟอง-ไม่มีเศษโลหะ หากน้ำมันเกียร์มีสีขุ่นๆ คล้ายโคลน แสดงว่ามีการรั่วซึมของระบบน้ำหล่อเย็นออยเกียร์เข้าไปในระบบเกียร์ ให้รีบหาต้นเหตุแล้วซ่อม ร่วมทั้งเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่

- การตรวจวัดน้ำมันเกียร์จะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด ไม่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้

- การใช้งานในเมือง ที่การจราจรติดขัด ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร



เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ของท่าน เลือกสินมั่นคง ประกันภัย..ประกันรถ ประกันเวลา..วางใจทำประกันรถยนต์กับเรา ด้วยเบี้ยที่ไม่แพง พร้อมบริการที่สะดวก รวดเร็ว สามารถตรวจสอบเบี้ยได้ง่ายๆ แค่คลิก www.smk.co.th หรือ โทร 1596 


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.