ไฟไหม้รถยนต์เกิดจากอะไร

เราคงเคยได้ยินข่าวรถเกิดไฟลุกไหม้ ทั้งที่รถไม่ได้ติดแก๊ส และไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ แต่เกิดขึ้นขณะกำลังขับรถ ต้นเหตุจะเกิดจากสาเหตุอะไร มีข้อมูลมาบอกกันดังนี้


1. เกิดจากความบกพร่องของหน้าสัมผัสที่กระแสไฟฟ้าต้องไหลผ่าน เช่น รอยบัดกรีหลวมหรือร้าว หน้าสัมผัสของขั้วไฟฟ้ามีพื้นที่ลดลง เกิดจากความชื้นหรือน้ำเข้าถึงแล้วเกิดการกัดกร่อน ของพื้นที่สัมผัสที่กระแสไฟฟ้าต้องไหลผ่านลดลง ความต้านทานก็เพิ่มสูงขึ้นมาก จึงเกิดความร้อนสูงขึ้นบริเวณนี้ จนทำให้ถึงจุดลุกไหม้ของแผงวงจร ซึ่งล้วนทำจากวัสดุที่ติดไฟได้ ก็จะกลายเป็นต้นเพลิงได้ทันที  อุปกรณ์ที่อาจเกิดได้ เช่น ระบบกันขโมย พัดลมไฟฟ้าระบายความร้อน คอนเดนเซอร์ของระบบปรับอากาศ แผงวงจรควบคุมอุณหภูมิห้องโดยสารของระบบปรับอากาศ


2. เกิดจากการลัดวงจรของกระแสไฟฟ้า 
เช่น ฉนวนหุ้มสายไฟกรอบเปราะ แล้วหักหรืออ้าจนสายไฟ มีตำแหน่งเปลือย หรือไม่ก็ถูกชิ้นส่วนที่เป็นกลไกของระบบต่างๆ เช่น สปริงดึงคันเบรกมือกลับ เสียดสีจนสึกถึงเส้นโลหะ ไฟฟ้าจะไหลลัดวงจรด้วยกระแสที่สูงมาก เกิดความร้อนที่เส้นโลหะระดับหลายร้อยองศาเซลเซียส หลอมละลายเปลือกสายไฟ ก่อนที่จะลุกไหม้ขึ้น ส่วนใหญ่พอฉนวนหุ้มสายไฟลุกไหม้แล้ว ก็จะลามไปถึงพวกฉนวนกันเสียงและกันความร้อนที่อยู่ใกล้ๆ และล้วนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จนลุกลามสร้างความเสียหายอย่างหนัก

ระยะหลังนี้มักพบเพลิงที่มาจากโคมไฟหน้าของรถบ่อยขึ้น สาเหตุมาจากการใช้พลาสติกแทนโลหะหรือแก้วในสมัยก่อน แล้วหลอดไฟก็เป็นหลอดฮาโลเจน ซึ่งมีความร้อนสูง รถที่มีการสั่นสะเทือนทำให้หลอดไฟค่อยๆ คลอนจนขั้วหลุดจากหัวเสียบ แล้วหล่นลงมาสัมผัสกับโคมพลาสติกอาจทำให้เกิดไฟลุกได้ในทันที


3. เกิดการชำรุดของอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยตรง 
เช่น แบริ่งของพัดลมไฟฟ้าชำรุดจนหมุนไม่ได้และเกิดความร้อนสูงที่มอเตอร์จนลุกไหม้ขึ้น หรือเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ทไม่ถอยกลับทำให้มอเตอร์สตาร์ทหมุนไปพร้อมกับเครื่องยนต์ตลอดเวลาด้วยความเร็วสูงกว่าหลายสิบเท่าเกิดการเสียดสีของแบริ่งจนร้อนจัดและลุกไหม้ขึ้นในที่สุด


4. โอริง หัวฉีด เกิดการรั่วไหลในจังหวะที่หัวเทียนจุดระเบิด
แหวนยาง (O-RING) ที่คอยป้องกันไม่ให้ไอระเหยจากเบนซินไหลลอดออกมา ต้องอยู่ในสภาพดี โดยเฉพาะบริเวณหัวฉีดหรือตัวควบคุมความดันเบนซิน หากรั่วไหลในจังหวะที่หัวเทียนจุดระเบิด แล้วมาเจอกับน้ำมันเบนซินจะเกิดการลุกไหม้ได้

   
5. น้ำมันหล่อลื่นรั่ว
น้ำมันหล่อลื่นก็ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเครื่อง หากรั่วหรือซึมออกมาและบังเอิญไปหยดโดนท่อไอเสียที่ร้อนจัด บริเวณที่อยู่ใกล้ฝาสูบ น้ำมันจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอจนสามารถลุกติดไฟได้


ข้อปฎิบัติเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้รถ

1. ผู้ขับขี่ควรตั้งสติ 

2. รีบนำรถจอดข้างทางทันที

3. ดับเครื่องยนต์ เพื่อตัดระบบไฟฟ้าทันที ปิดสวิตซ์กุญแจ เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟ จนอาจจะนำไปสู่การเกิดเพลิงไหม้ และรวมถึงมันยังหยุดการทำงานของชิ้นส่วนระบบเชื้อเพลิงที่สำคัญอย่างปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง ลดการแพร่กระจายของน้ำมันเชื้อเพลิง  และ ต้องรีบปิดวาล์วถังแก๊สทันทีสำหรับรถที่ใช้ระบบแก๊ส หากเป็นวาล์วอัตโนมัติให้เปิดฝากระโปรงแบบแง้มไว้พร้อมดับไฟ

4. รีบออกจากรถทันที 

5. หากเกิดเพลิงไหม้เพียงเล็กน้อย ให้นำผ้าแห้งหรือผ้าที่เปียกน้ำหรือทรายมาโปะ หรือตบบริเวณที่เกิดไฟไหม้ หรือเจาะปากขวดน้ำที่มีน้ำเป็นรูเล็กๆ แล้วฉีดบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ 

6. หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ให้รีบหนีออกห่างจากรถที่ เกิดเพลิงไหม้โดยเร็วที่สุด

7. แจ้งเหตุฉุกเฉินโทร 199 ดับเพลิงและกู้ภัย

การเกิดไฟไหม้กับรถยนต์อาจเกิดขึ้นได้ เราควรหมั่นตรวจสอบรถยนต์อยู่เสมอเพื่อป้องกัน แต่หากเกิดฉุกเฉินขึ้น เราต้องตั้งสติและปฎิบัติตามคำแนะนำข้างต้น

เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ของท่าน จากเหตุการณ์ไม่คาดคิด เลือกสินมั่นคงประกันภัย..ประกันรถ ประกันเวลา..วางใจทำประกันรถยนต์กับเรา ด้วยเบี้ยที่ไม่แพง พร้อมบริการที่สะดวก รวดเร็ว โทร 1596 หรือ www.smk.co.th 

ที่มา : autodeft.com

Photo source: pexels.com