สินมั่นคงประกันภัย : ฟื้นฟูกิจการไม่ได้แปลว่าล้มละลาย! แต่เป็นทางรอดของธุรกิจ
เมื่อธุรกิจต้องประสบปัญหาหรือมีภาวะขาดทุนสะสม ผู้บริหารจำเป็นจะต้องจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ หนึ่งในแนวทางการแก้ปัญหาคือการยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง แล้วการฟื้นฟูกิจการคืออะไร? และเพราะเหตุใดจึงต้องยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลาง?
ฟื้นฟูกิจการคืออะไร?
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) ได้ให้ข้อมูลว่า “การฟื้นฟูกิจการไม่ใช่การล้มละลาย”
แต่เป็นการรักษาให้กิจการยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
และเปิดโอกาสให้มีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมด
รวมถึงให้มีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน และแผนธุรกิจ
เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้่การยื่นขอฟื้นฟูกิจการถือเป็นการรักษาความอยู่รอดของธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ใครได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ?
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ผู้ถือหุ้น และสังคม เพราะยังสามารถรักษากิจการให้ดำเนินการไปได้ตามปกติ
ลดความเสี่ยงต่อการถูกเลิกกิจการและการถูกฟ้องล้มละลาย
อันจะช่วยรักษาการจ้างงานไว้ได้
ที่สำคัญการฟื้นฟูกิจการจะทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้มากกว่าการล้มละลาย
ศาลล้มละลายกลางคือใคร?
ข้อมูลจากพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายพ.ศ. 2542 ระบุว่า
ศาลล้มละลาย เป็นศาลชั้นต้นตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คดีล้มละลายซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีแพ่งทั่วไปได้รับการพิจารณาพิพากษาจากผู้พิพากษาที่มีความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษ
และเนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วย “การฟื้นฟูกิจการ” ได้ถูกกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายที่ต้องยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลาง
จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ว่าการยื่นขอฟื้นฟูกิจการคือการยื่นขอล้มละลาย
กระบวนการภายหลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำขอฟื้นฟูกิจการ
หัวใจสำคัญของการฟื้นฟูกิจการ คือ
เมื่อศาลสั่งรับคำขอฟื้นฟูกิจการ สภาวะการพักการชำระหนี้หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า automatic
stay จะเกิดขึ้นทันทีนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไว้เพื่อพิจารณา
จนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนหรือวันที่ศาลยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
“สภาวะการพักการชำระหนี้”
ถือเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้
ทั้งนี้เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินการต่อไปได้และดูแลสภาพคล่อง (liquidity)
ของธุรกิจ
โดยไม่ต้องกังวลว่าธุรกิจหรือกิจการจะถูกเรียกให้ชำระหนี้หรือถูกฟ้องร้อง
(แต่ประโยชน์ของลูกหนี้ที่จะได้รับ ต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้ใช้สิทธิโดยสุจริต
ไม่ได้อาศัยการพักชำระหนี้เป็นเหตุของการประวิง)
หน้าที่ของลูกหนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมีอย่างไร?
กฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าลูกหนี้ยังสามารถประกอบธุรกิจตามที่จำเป็นของธุรกิจเท่านั้น
เพื่อให้การดำเนินการค้าสามารถดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น ลูกหนี้จะจำหน่าย จ่าย
โอน ให้เช่า ชำระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สินไม่ได้
เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
กิจการภายหลังจากการเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ
บริษัทที่เข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ
เมื่อการฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ
ก็สามารถกลับมาเป็นบริษัทที่มีความเข้มแข็งและมีการเติบโตได้เช่นเดิม
เมื่อศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ ในกรณีที่ศาลพิจารณาเห็นว่าการฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนแล้ว
การฟื้นฟูกิจการจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง แต่มีเหตุผลและความจำเป็น รวมถึงมีช่องทางที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น: