รู้จักความหมาย “การฟื้นฟูกิจการ”
บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เรียบเรียงข้อมูลจากบทความเรื่อง การฟื้นฟูกิจการกับการล้มละลาย – ถนนคนละเส้นคนละสาย โดย นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอดีตอธิบดีกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่ออธิบายประเด็นความหมายของการยื่นฟื้นฟูกิจการให้ลูกค้าประกันภัยโควิดได้มีความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้
การฟื้นฟูกิจการคืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?
การฟื้นฟูกิจการถือเป็นการรักษาให้กิจการยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
นั่นคือ
ผู้ยื่นขอให้มีการฟื้นฟูกิจการต้องการรักษาความเป็นกิจการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
(going concern) โดยเปิดโอกาสให้มีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างเจ้าหนี้ทั้งหลายทั้งเจ้าหนี้ภายในและต่างประเทศ
และเปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน และแผนธุรกิจ
เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยอาจมีผู้บริหารมืออาชีพจากภายนอกบริษัทมาร่วมดำเนินการ
การฟื้นฟูกิจการคือการล้มละลายหรือไม่?
การฟื้นฟูกิจการไม่ใช่การล้มละลายหรือการที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
สิ่งที่ทำให้อาจเข้าใจว่า การฟื้นฟูกิจการคือการล้มละลาย
เนื่องจากเพราะบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการ
กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย จึงอาจทำให้เข้าใจว่า
การยื่นขอฟื้นฟูกิจการคือการยื่นขอล้มละลาย ดังนั้น การฟื้นฟูกิจการจึงไม่ใช่การล้มละลาย
การฟื้นฟูกิจการแตกต่างจากการล้มละลายอย่างไร?
การล้มละลายหรือการถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น
จะไม่ได้เป็นการทำให้ธุรกิจดำเนินการได้ต่อเนื่อง
แต่เป็นการมุ่งไปสู่กระบวนการค้นหาและรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อนำมาแบ่งให้กับเจ้าหนี้
โดยการยึดหรืออายัดและนำมาขายทอดตลาด และในขณะที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี
จะเป็นผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้
การฟื้นฟูกิจการ เกิดขึ้นได้อย่างไร? ใครสามารถยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการได้บ้าง?
การฟื้นฟูกิจการจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการไปยังศาลล้มละลายกลาง
คือ
กฎหมายกำหนดให้ทั้งเจ้าหนี้หรือลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ได้
เมื่อเข้าเงื่อนไขดังนี้
- ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือลูกหนี้ไม่สามารถที่จะชำระหนี้ตามกำหนดได้ (inability to pay)
- เป็นหนี้เจ้าหนี้คนเดียวหรือหลายคนรวมกันเป็นจำนวนแน่นอนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ในกรณีของธุรกิจขนาดใหญ่ หรือในกรณีที่เป็นธุรกิจขนาดกลางหรือขนาดเล็ก (SMEs) คือลูกหนี้ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท ลูกหนี้ที่เป็นคณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท หรือลูกหนี้ที่เป็นบริษัทจำกัดไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท
- หนี้จำนวนแน่นอนดังกล่าว จะถึงกำหนดชำระในทันทีหรือในอนาคตก็ได้
- มีเหตุอันสมควรและมีช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
การฟื้นฟูกิจการ คือทางรอดของธุรกิจจริงหรือไม่?
จะเห็นได้ว่า
การยื่นขอฟื้นฟูกิจการของไทยตามที่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงในปี 2559
ถือเป็นการเปิดโอกาสให้มีการเข้าไปฟื้นฟูกิจการเพื่อรักษาความอยู่รอดของธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
คือ เมื่อพบว่าลูกหนี้ ไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ เช่น ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนด
และเมื่อได้รับหนังสือทวงถามจากเจ้าหนี้ให้ชำระหนี้
หรือลูกหนี้มีกระแสเงินสดไม่พอชำระหนี้ เป็นต้น เจ้าหนี้หรือลูกหนี้
ก็สามารถยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลได้ โดยไม่ต้องรอจนถึงกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแบบเดิม
และในปี 2561
ได้ปรับปรุงการยื่นขอฟื้นฟูกิจการบริษัทขนาดใหญ่
โดยเพิ่มเงื่อนไขในการยื่นขอฟื้นฟูกิจการให้มีกรณีไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้
การบริหารจัดการภายหลังที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำขอฟื้นฟูกิจการ คืออะไร?
เมื่อศาลสั่งรับคำขอฟื้นฟูกิจการ
สภาวะการพักการชำระหนี้หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า automatic stay เกิดขึ้นทันทีนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไว้เพื่อพิจารณาจนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนหรือวันที่ดำเนินการสำเร็จตามแผน
หรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอหรือจำหน่ายคดีหรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด
สภาวะการพักการชำระหนี้ คืออะไร?
สภาวะการพักการชำระหนี้ เป็นเสมือนหนึ่งธุรกิจหรือกิจการที่อยู่ภายใต้ร่มคันใหญ่เพื่อใช้ป้องกันการถูกฟ้องร้อง
ถูกบังคับคดี ถูกบังคับชำระหนี้ ถูกงดให้บริการสาธารณูปโภคต่าง ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ประโยชน์ข้างต้นที่ลูกหนี้จะได้รับ
ต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้ใช้สิทธิโดยสุจริต
ไม่ได้อาศัยการพักชำระหนี้เป็นเหตุของการประวิงคดี
หน้าที่ของลูกหนี้ในช่วงเวลาฟื้นฟูกิจการต้องทำอย่างไร?
กฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าลูกหนี้ยังสามารถประกอบธุรกิจตามที่จำเป็นของธุรกิจเท่านั้น
เพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น
ลูกหนี้จะจำหน่าย จ่าย โอน ให้เช่า ชำระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สินไม่ได้
เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ผู้ทำแผนและผู้บริหารแผน คือใคร?
ผู้ทำแผน หมายถึง ผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ
โดยจะเป็นผู้ที่ศาลมีคำสั่งตั้งเพื่อจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ
และเมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้ว ให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้
และสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ตกแก่ผู้ทำแผน
ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผล
ผู้บริหารแผน
หมายถึงผู้จัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ
กฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ทำนองเดียวกับผู้ทำแผน เว้นแต่วัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ
กำหนดให้เป็นที่ปรึกษาทางด้านการบริหารงาน
ผู้ทำแผนและผู้บริหารแผน ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร?
ผู้ทำแผนต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียนและการกำหนดคุณสมบัติผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ
โดยต้องมีประสบการณ์ในการรับจัดกิจการและทรัพย์สินของผู้อื่น
มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หรือที่ปรึกษาทางบัญชี
หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย ผู้บริหารของนิติบุคคลต้องมีจริยธรรม
มีความซื่อสัตย์สุจริต
และมีหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานที่รัดกุมและเชื่อถือได้ ทั้งนี้
ลูกหนี้อาจขอเป็นผู้ทำแผนเองก็ได้
ในการเสนอผู้ทำแผน
กฎหมายกำหนดให้ทั้งลูกหนี้หรือเจ้าหนี้สามารถเสนอผู้ทำแผนได้ ซึ่งหากศาลเห็นว่าผู้ที่เสนอเป็นผู้ทำแผนยังไม่สมควรเป็นผู้ทำแผน
หรือมีการคัดค้าน ศาลจะสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดประชุมเจ้าหนี้โดยเร็ว
เพื่อให้เจ้าหนี้ได้ลงมติในการเลือกผู้ทำแผน
และเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้เลือกผู้ทำแผนได้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องรายงานศาลทราบเพื่อพิจารณามีคำสั่งต่อไป
ผู้บริหารแผน
กฎหมายได้กำหนดให้สิทธิและอำนาจหน้าที่ของผู้ทำแผนโอนไปยังผู้บริหารแผน
ตั้งแต่วันที่ผู้บริหารแผนได้รับทราบคำสั่งศาลที่เห็นชอบกับแผนฟื้นฟูกิจการ
ซึ่งแผนฟื้นฟูกิจการที่เป็นความตกลงระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ เป็นแผนฟื้นฟูกิจการที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติยอมรับแผน
และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว
โดยกฎหมายกำหนดให้แผนฟื้นฟูกิจการมีรายละเอียดต่าง ๆ
โดยเฉพาะหลักการและวิธีการฟื้นฟูกิจการ
หากไม่มีการจัดตั้งผู้ทำแผน จะเกิดอะไรขึ้น?
หากยังไม่มีการตั้งผู้ทำแผน เมื่อศาลสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
กฎหมายกำหนดให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของผู้บริหารของลูกหนี้สิ้นสุดลง
และให้ศาลมีคำสั่งตั้งบุคคลใดหรือหลายคนหรือผู้บริหารของลูกหนี้เป็นผู้บริหารชั่วคราว
โดยมีอำนาจหน้าที่จัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไป ทั้งนี้
ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จนกว่าจะมีการตั้งผู้ทำแผน
ใครเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ?
การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อเจ้าหนี้
ลูกหนี้ และผู้ถือหุ้น รวมทั้งสังคม เพราะยังสามารถรักษากิจการให้ดำเนินการได้ตามปกติอย่างต่อเนื่อง
ลดความเสี่ยงต่อการถูกเลิกกิจการ และการถูกฟ้องล้มละลาย
อันจะช่วยรักษาการจ้างงานและห่วงโซ่อุปทานต่าง ๆ ไว้ได้ และที่สำคัญ
การฟื้นฟูกิจการจะทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้มากกว่าการล้มละลาย นอกจากนี้ การฟื้นฟูกิจการจะเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถปรับโครงสร้างองค์กร
กระบวนการทำงาน และแผนการดำเนินธุรกิจด้วย
สิทธิของเจ้าหนี้เป็นอย่างไร?
สำหรับสิทธิของเจ้าหนี้
กฎหมายกำหนดให้สิทธิของเจ้าหนี้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน
ซึ่งต่างกับการล้มละลายที่เจ้าหนี้ทุกรายจะได้รับส่วนเฉลี่ยในการชำระหนี้เท่ากัน
กิจการภายหลังจากการเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ ลูกหนี้จะกลับมาบริหารจัดการกิจการได้หรือไม่?
การเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการเปรียบเสมือนคนไข้ที่มีอาการป่วยเข้ารับการรักษาตัวเพื่อดูแลรักษาให้หายจากการเจ็บป่วย
โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ภายหลังจากนั้น
เมื่อคนไข้หายป่วยและมีร่างกายที่แข็งแรงและทำอะไรได้ตามปกติ ที่ผ่านมา
มีบริษัทหลายบริษัทที่เข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ
และเมื่อการฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ
ก็กลับมาเป็นบริษัทที่มีความเข้มแข็งและมีการเติบโตได้
ศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อใด?
ศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ
ในกรณีที่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผน
ผู้บริหารของลูกหนี้จะกลับมามีอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามเดิม
และผู้ถือหุ้นของลูกหนี้กลับมีสิทธิตามกฎหมายต่อไป การฟื้นฟูกิจการจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของธุรกิจที่ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง
แต่มีเหตุผล ความจำเป็นและมีช่องทางในการดำเนินธุรกิจต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น: