ประกันสุขภาพ ออกกำลังกายให้ได้ผลต้องบ่อยแค่ไหน

ออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งเแรง
การออกกำลังกายเป็นประจำ
และสม่ำเสมอ
จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่างๆได้
ซึ่งการออกกำลังกายของคนในกลุ่มนี้
สามารถเลือกกิจกรรมที่มีความเข้มข้นน้อย
ถึงปานกลาง โดยอาจเลือกเป็นการเดิน
การวิ่งเหยาะๆ การเล่นโยคะ
หรือ กิจกรรมใดก็ได้ที่ชื่นชอบ
เป็นเวลา 30
นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
(150
นาทีต่อสัปดาห์)
หรือหากเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายที่หนักขึ้นมาหน่อย
เช่น การวิ่ง กระโดดเชือก
ให้ใช้เวลาในการออกกำลังกายประมาณ
20
– 30 นาทีต่อวัน
ทำ 3
วันต่อสัปดาห์
ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้มาก็คือ
สุขภาพที่ดีขึ้น ระบบต่างๆ
ในร่างกายดีขึ้น
ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
โรคความดัน และ โรคมะเร็งได้
ออกกำลังกายเพื่อรักษารูปร่างและควบคุมน้ำหนัก
คนกลุ่มนี้เป็นอีกกลุ่มที่เลือกกิจกรรมการออกกำลังกาย
เพื่อเป็นตัวช่วยในการรักษารูปร่าง
คงสภาพไม่ให้อ้วนขึ้น
และไม่ได้อยากจะผอมลงกว่าเดิม
อาจเป็นกลุ่มที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จแล้วอยากจะรักษาน้ำหนักให้คงที่
หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าการ
Maintenance
ซึ่งการออกกำลังกายของคนในกลุ่มนี้ที่แนะนำ
คือให้ออกกำลังกายที่ความหนักปานกลาง
ประมาณ 1
ชม.ต่อวัน
6
วันต่อสัปดาห์
หรือ
ประมาณ 90
นาทีต่อวัน
5
วันต่อสัปดาห์ก็ได้
สำหรับกิจกรรมการออกกำลังกายนั้น
อาจเลือกเป็นการเล่นเวท 3
วันต่อสัปดาห์
กระจายไปทุกๆ ส่วนของกล้ามเนื้อ
ทำท่าละ 3
เซท
เซทละ 8
– 10 ครั้ง
และคาร์ดิโอ 30
– 40 นาที
2
วันต่อสัปดาห์
โดยใช้การคาร์ดิโอที่มีคุณภาพ
มากกว่าที่จะคาร์ดิโอเป็นเวลานานๆ
เช่น การทำ Curcit
Training, Interval taining หรือ
HIIT
เป็นครั้งคราวก็ได้
สิ่งสำคัญอีกอย่างของกลุ่มรักษาน้ำหนัก
คือยังคงต้องระมัดระวังการรับประทานอาหารบ้าง
พยายามหาสมดุลระหว่างการรับพลังงานเข้า
และการใช้พลังงานออกไป
เพราะถ้าหากสติแตก
กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ
ก็อาจจะทำให้มีโอกาสกลับไปอ้วนได้
ออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนักและไขมัน
กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มใหญ่
คนส่วนมากเริ่มมีไอเดียที่จะไปออกกำลังกาย
ก็เพื่อต้องการให้เป็นกิจกรรมที่ช่วยในการลดน้ำหนัก
และลดปริมาณไขมันในร่างกาย
ซึ่งก่อนอื่นต้องเข้าใจเสียก่อนว่า
การออกกำลังกายนั้น
เป็นเพียงตัวช่วยที่ให้การลดน้ำหนักง่ายขึ้น
เรียกว่าเป็นตัวกระตุ้นมากกว่าเป็นเสาหลักในการลดน้ำหนัก
ปริมาณน้ำหนัก
และไขมันจะลดได้มากหรือน้อยนั้น
ปัจจัยหลักอยู่ที่การเลือกรับประทานอาหาร
และโภชนาการ
การออกกำลังกายมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณการเผาผลาญพลังงานทั้งจากกิจกรรมที่ทำในขณะออกกำลังกาย
และเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ
ที่เป็นตัวเผาผลาญพลังงาน
เมื่อมีกล้ามเนื้อที่มากขึ้นแข็งแรงขึ้น
ก็จะทำให้การเผาผลาญพลังงานระหว่างวันมากขึ้น
มีส่วนทำให้น้ำหนักลด
และสามารถคงน้ำหนักที่ลดได้ดี
กิจกรรมสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
หรือ ลดไขมัน ควรเลือกทำทั้งการเวทเทรนนิ่ง
และการคาร์ดิโอ ควบคู่กันไป
พยายามหาเวลาไปออกกำลังกายให้ได้
5-6
วันต่อสัปดาห์
โดยเลือกการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้น
ปานกลางถึงหนัก แบ่งเป็นการเวทเทรนนิ่ง
3-4
วัน
วันละ 45-60
นาที
หรือหากไม่มีเวลาสามารถลดเวลาลง
แต่เน้นที่คุณภาพในการออกกำลังกายให้มากขึ้น
และ ทำกิจกรรมคาร์ดิโอ 2-3
วันต่อสัปดาห์
วันละ 30-60
นาทีขึ้นอยู่กับความหนักของกิจกรรม
ตัวอย่างตารางการออกกำลังกายแบบ 6 วันต่อสัปดาห์
-
วันที่ 1 เล่น อก-ไหล่-หลังแขน มัดกล้ามเนื้อละ 2 ท่า ท่าละ 10-12 ครั้ง 3 เซทต่อท่า
-
วันที่ 2 เล่น ขา และ หน้าท้อง มัดกล้ามเนื้อละ 2 ท่า ท่าละ 10-12 ครั้ง 3 เซทต่อท่า
-
วันที่ 3 พัก โดยการคาร์ดิโอ 40-60 นาที
-
วันที่ 4เล่นหลัง และ หน้าแขน มัดกล้ามเนื้อละ 2 ท่า ท่าละ 10-12 ครั้ง 3 เซทต่อท่า
-
วันที่ 5 เล่นกล้ามเนื้อในส่วนที่ตัวเองคิดว่าขาดซ้ำอีกครั้ง อยากจะเน้นส่วนไหนก็เลือกเล่นเวทในส่วนนั้น โดยทำท่าละ 10-12 ครั้ง 3 เซทต่อท่า และต่อด้วย คาร์ดิโอ 45-60 นาที
-
วันที่ 6 พัก โดยการคาร์ดิโอ 40-60 นาที
-
วันที่ 7 พักผ่อน
ออกกำลังกายให้ได้ผลต้องมีวันพัก
การพัก
การหยุดการออกกำลังกาย
และการนอนหลับ ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ร่างกาย
ระบบต่างๆ เนื้อเยื่อ
และกล้ามเนื้อได้ฟื้นคืนพละกำลัง
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไป
ซึ่งระยะเวลาในการพักนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย
แต่ละคน อย่าคิดว่าจะออกเยอะๆ
พักน้อยๆ แล้วจะทำให้ลดเร็ว
แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจตรงกันข้าม
อาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ
และ เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ดีไม่ได้น้ำหนักไม่ลงและทำให้ท้อ
และยอมแพ้ไปในที่สุด
พักเท่าไหร่ถึงเพียงพอ
การหยุดการออกกำลังกาย
หรือการกำหนดวันพักนั้น
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลักๆ
คือ ความเข้มข้นของการออกกำลังกาย
ความแข็งแรงของแต่ละคน
การพักผ่อนนอนหลับเพียงพอหรือไม่
และความหนักของกิจกรรมที่ทำในวันนั้นๆ
ซึ่งถ้าเอาเข้าจริงๆ
ร่างกายเราจะมีระบบเตือนภัยอยู่
ฟังเสียงร่างกายที่ส่งสัญญาณมา
ว่าหากเหนื่อย เมื่อยล้ามากๆ
ให้หยุดพัก 1-2
วัน
หากมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย
ให้พักราวๆ 4-5
วัน
แล้วกลับมาเช็คความฟิตอีกครั้ง
หรือถ้าแข็งแรงดี ก็หาวันพัก
ทุกๆ 2
วันของการออกกำลังกาย
สำหรับคนที่มีเป้าหมายเข้มข้น
อาจวางตารางการคาร์ดิโอเบาๆในวันพักก็ได้
นอกจากนี้อย่าฝืนไปออกกำลังกายในขณะที่ร่างกายไม่พร้อม
เช่น ในวันที่ทำงานมาหนักๆ
เหนื่อยๆ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
ป่วย ไม่สบาย หรือมีอาการบาดเจ็บ
เพราะนอกจากอาจก่อให้เกิดอันตรายแล้ว
ยังเป็นการทำร้ายร่างกายทางอ้อมอีกด้วย
ออกกำลังกายยังไงก็ได้ประโยชน์
การออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์
เพียงเลือกเป้าหมายที่ตรงกับตัวคุณ
แล้วลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ
ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร
ให้เราคิดว่าเราคือคู่แข่งของเราเอง
เอาชนะใจเรา เอาชนะความขี้เกียจแล้วไปออกกำลังกาย
ค่อยๆ เพิ่มปริมาณกิจกรรม
ความเข้มข้น ระยะเวลา และ
จำนวนวันที่ไปออกกำลัง
ขึ้นทีละน้อย ตามความแข็งแรงของร่างกาย
หากไม่มีเวลาไปออกกำลังกายลองเจียดเวลาให้ได้อย่างน้อย
1
วันก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย
หรือ พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้กระฉับกระเฉงขึ้น
ไม่หักโหม ไม่จำเป็นต้องทำอย่างบ้าคลั่งเกินกำลังตน
เอาที่พอดีกับตัว และ เข้ากับ
liftstyle
ของเราดีที่สุด
ที่มา
:
www.lovefitt.com
เลือกทำประกันสุขภาพกับ
สินมั่นคงประกันภัย
ที่มีประกันสุขภาพหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกตามความต้องการ
ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป
สนใจโทร 1596,
www.smk.co.th
หรือ https://www.facebook.com/smkinsurance/
ไม่มีความคิดเห็น: