วิธีการล้างผักผลไม้ให้ปลอดภัย

จากการสำรวจพบกว่าครึ่งหนึ่งของผักผลไม้ในประเทศ มีสารกำจัดวัชพืช และยาฆ่าแมลง ตกค้างเกินค่ามาตรฐาน โดยผักทั่วไปที่นิยมรับประทานมีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานถึง 64% ผักพื้นบ้าน 43% และผลไม้ 33% โดยเฉพาะในผัก ถั่วฝักยาว คะน้า ใบบัวบก กะเพรา พริกแดง องุ่น แก้วมังกร พบการตกค้างในระดับสูง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการรับประทาน ต้องล้างผักให้สะอาดเสียก่อน จะมีวิธีการล้างผักวิธีไหนที่จะช่วยลดปริมาณสารพิษที่ตกค้างมากับผักให้ลดน้อยลงได้

1. การใช้น้ำส้มสายชู สามารถลดปริมาณสารพิษลงร้อยละ 60-84 
กรดน้ำส้มความเข้มข้น 5%ของกรดน้ำส้ม ผสมน้ำในอัตราส่วน 1:10 แช่นาน 10-15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
   
2..การใช้ด่างทับทิม  สามารถลดสารพิษลงได้ร้อยละ 35-43
ใช้ปริมาณ 20-30 เกล็ด ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
แต่การใช้ด่างทับทิมในปริมาณที่มากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร และหากสูดดมไอระเหยของด่างทับทิมเข้าไปมากก็จะทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาได้ รวมถึงหากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้
     
3.การใช้น้ำไหลผ่าน  สามารถลดสารพิษลงได้ร้อยละ 25-63
โดยเด็ดผักเป็นใบๆ ใส่ตะแกรงโปร่งเปิดน้ำให้แรงพอประมาณ ใช้มือช่วยคลี่ใบผักและถูไปมาบนผิวใบของผักผลไม้นานประมาณ 2 นาที  แต่มีข้อเสียอยู่ว่าใช้เวลานานในการล้างและใช้น้ำปริมาณมาก
     
 4.การใช้เกลือป่น สามารถลดสารพิษลงได้ร้อยละ 27-38 
โดยใช้เกลือป่น1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดวิธีการนี้ลดปริมาณได้ไม่มากและอาจมีเกลือและรสเค็มไปอยู่ในผักหรือผลไม้
     
5. การใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ เบกกิ้งโซดา  ลดปริมาณสารพิษลงได้ถึงร้อยละ 90-95
โดยใช้ เบกกิ้งโซดา1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1 กะละมัง (20 ลิตร) แช่นาน 15 นาที แล้วนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด หากล้างไม่สะอาดการได้รับเบกกิ้งโซดาในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียได้
     

6.วิธีการต้มหรือลวกผักด้วยน้ำร้อน ลดปริมาณสารพิษได้ ประมาณร้อยละ 50 
วิธีการนี้เป็นอีกวิธีที่ดีและปลอดภัยแต่จะทำให้ผักหรือผลไม้ เสียคุณค่าทางอาหารไปกับน้ำและความร้อน เช่น วิตามินซี วิตามินบี 1 ไนอะซิน
     
7.การปอกเปลือกหรือการลอกชั้นนอกของผักออก ช่วยลดปริมาณสารพิษได้ร้อยละ 27-72
เช่น กะหล่ำปลี ถ้าลอกใบชั้นนอกออกจะปลอดภัยมากกว่า แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
     
8. วิธีการแช่ผักในน้ำยาล้างผัก ลดปริมาณสารพิษฆ่าแมลงได้ร้อยละ 25-70
ใช้ความเข้มข้นประมาณ 0.3% ในน้ำ 4 ลิตร แช่ผักนานประมาณ 15 นาที จะ แต่วิธีนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวังต้องดูให้ดีว่าน้ำยาล้างผักมีส่วนประกอบด้วยอะไรบ้าง

     
ซึ่งไม่มีวิธีการล้างวิธีไหนดีที่สุด เนื่องจากผักหรือผลไม้ แต่ละชนิดจะมีสารตกค้างแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน  ประสิทธิภาพของการล้างสารพิษแต่ละตัวของวิธีการล้างไม่เท่ากัน ซึ่งมีอีกหนึ่งวิธีป้องกันคือพยายามรับประทานผักและผลไม้ให้หลากหลาย อย่ากินซ้ำกันเกินไป หากมีพิษ หรือสารตกค้าง จะได้ไม่สะสมในปริมาณที่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

สินมั่นคงประกันภัย มีประกันสุขภาพหลายรูปแบบให้เลือก พร้อมเบี้ยประกันที่ไม่แพง 

  คลิก www.smk.co.th หรือ โทร 1596

 สินมั่นคงประกันสุขภาพ..เราประกัน คุณมั่นใจ..

ที่มา: ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล

Photo source : freepik.com