WHO เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ในอาหารภายในปี 2566 เหตุมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 17 ล้านคนในแต่ละปี
องค์การอนามัยโลกต้องการให้มีการยกเลิกการใช้ Trans Fat หรือ ไขมันทรานส์ ภายในปี 2566 โดยเริ่มโครงการ REPLACE ซึ่งเป็นโครงการเพื่อนำ Trans Fat หรือ ไขมันทรานส์ ออกจากระบบการผลิตทั่วโลก ซึ่งทีมงานได้รวบรวมข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับ ไขมันทรานส์ มาบอกกันดังนี้
โรคหัวใจสาเหตุสำคัญที่สุดของการเสียชีวิตของคนทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 17 ล้านคนในแต่ละปี ซึ่งอาหารเป็นส่วนสำคัญ หากได้รับอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง จะเพิ่มอัตราความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 21% และ เพิ่มอัตราการเสียชีวิต 28% และ ยังมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 อีกด้วย
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กล่าวไว้ว่า หากโลกของเราสามารถกำจัดไขมันทรานส์ออกจากระบบอาหาร จะช่วยทำให้ประเทศต่างๆ ลดลงค่าใช้จ่ายลงเป็นจำนวนมาก
Dr. Francesco Branca ผู้อำนวยการฝ่ายโภชนาการเพื่อสุขภาพและการพัฒนาของ WHO กับโครงการ REPLACE เป็นการสร้างแนวทางให้รัฐบาลทั่วโลก จัดตั้งกฎหมายเพื่อลดการใช้ Trans Fat หรือ ไขมันทรานส์
สาเหตุที่อุตสาหกรรมอาหารมักใช้ Trans Fat หรือ ไขมันทรานส์ ในการประกอบอาหารเนื่องจากทำให้อาหารไม่เสียเร็ว
การใช้ไขมันเทียม ที่ผ่านกระบวนการ เติม hydrogenation ในน้ำมันพืช เมื่อนำผลิตภัณฑ์ต่างๆไปทอดเช่น ขนมขบเคี้ยว โดนัท หรือ การใช้เทียมครีมกาแฟ หรือ การนำมาใส่เนยทาขนมปัง ผลเสียที่ผู้บริโภคได้รับ คือ คอเลสเตอรอล LDL ที่มีปริมาณสูง จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวานประเภท 2
ซึ่งในหลายประเทศเริ่มมีปัญหาสุขภาพจากการใช้ Trans Fat หรือไขมันทรานส์ เช่น ในบางประเทศในละตินอเมริกาโดยเฉพาะเม็กซิโก ประชาชนในประเทศมักรับประทานอาหารทอดเป็นหลัก เช่นเดียวกับแอฟริกาใต้
Dr. Tedros Adhanom พบว่า โรคที่ไม่ติดต่อที่เป็นสาเหตุให้ประชากรโลกเสียชีวิตมากที่สุด คือ โรคหัวใจ
Dr. Tom Frieden เชื่อว่าการไม่ใช้Trans Fat หรือ ไขมันทรานส์ จะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรสชาติอาหาร หรือ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ที่ผ่านมาได้เริ่มยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ ตั้งแต่ปี 2545
สมาคมโรคหัวใจในอเมริกา (American Heart Association) ระบุถึงการใช้ไขมันของสัตว์เลี้ยงหลายชนิด ซึ่งนำมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์นมหรือเครื่องสำอาง แต่ไขมันทรานส์เป็นไขมันเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ปัจจุบันประเทศสหรัฐออกกฎหมายเพื่อควบคุมไขมันทรานส์แล้ว
ในปี 2547 เดนมาร์ก เป็นชาติแรก เริ่มออกกฎหมายไขมันทรานส์ โดยเฉพาะอาหารบางประเภท โดยให้บริษัทจัดหาไขมันอื่นเพื่อใช้ทดแทนเป็นผลสำเร็จ ทำให้โรคหัวใจและหลอดเลือดลดลงเฉลี่ย 14.2 ต่อ 100,000 คนต่อปีตามรายงานจาก American Journal of Preventive Medicine
WHO (องค์การอนามัยโลก) ได้แนะนำให้ใช้น้ำมันชนิดอื่นทดแทนไขมันทรานส์ โดยให้ใช้ไขมันไม่อิ่มตัวแทน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง หรือ น้ำมันดอกทานตะวัน
Dr. Walter Willett ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและโภชนาการจาก Harvard T.H กล่าวว่า การยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ให้หมดจากโลก จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต จากโรคต่างๆ นับหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของรัฐบาลของประเทศต่างๆเป็นสิ่งสำคัญ และจากส่วนอื่นๆ ในการต่อต้านการใช้งานไขมันทรานส์ เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างชัดเจน
การทำประกันสุขภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วยสินมั่นคงประกันภัย มีประกันสุขภาพหลายรูปแบบให้เลือก พร้อมค่าเบี้ยประกันที่ไม่แพง
โทร 1596 หรือ www.smk.co.th
สินมั่นคงประกันภัย..เราประกัน คุณมั่นใจ..
ที่มา:
http://www.businessinsider.com/trans-fat-ban-world-health-organization-2018-5
https://edition.cnn.com/2015/06/16/health/fda-trans-fat/index.html
http://en.mercopress.com/2015/03/05/who-calls-on-countries-to-reduce-sugars-intake-among-adults-and-children
https://www.nazret.com/2017/05/23/who-chooses-dr-tedros-adhanom-first-african-to-head-the-global-health-agency/
https://www.cnsnews.com/news/article/brittany-m-hughes/cdc-you-can-give-can-t-get-ebola-bus
ไม่มีความคิดเห็น: