Ads Top

SMK Insurance

เปิดเพลงเสียงดังขณะขับรถระวังโดนทั้งจำและปรับ



การเปิดเพลงดังขณะขับรถนอกจากจะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิจนอาจนำไปสู่อุบัติเหตุ แล้วยังอาจไปรบกวนผู้อื่น ซึ่งอาจจะมีโทษทั้งจับและปรับ  จึงได้รวมรวบข้อมูลมาบอกกันดังนี้


ผลของการเปิดเพลงดังขณะขับรถ

- จากผลการวิจัยสำหรับคนฟังเพลงขณะขับรถ โดยนักวิทยาศาสตร์จาก University College London หรือ UCL ในประเทศอังกฤษ มีการศึกษาวิจัยและค้นพบว่า เสียงเพลงที่ได้ยินขณะขับรถมีส่วนทำให้สมาธิของผู้ขับขี่ลดลงจากปกติ รวมไปถึงยังส่งผลต่อปฏิกิริยาตอบสนองที่จะช้าลงตามไปด้วย ซึ่งจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างพบว่า คนส่วนใหญ่จะมีปฏิกิริยาที่จะละสายตาจากการขับขี่ตรงหน้า เพื่อมองไปยังแหล่งกำเนิดเสียงหรือลำโพงในรถ เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสมองของคนเรามีความคาดหวังและมองหาสิ่งที่เราได้ยิน ซึ่งนั่นจะเป็นช่วงเวลาที่จะทำให้เสียสมาธิจากการขับขี่นั่นเอง




- ผลวิจัย ในประเทศอิสราเอล ที่ลงลึกไปถึงรายละเอียด อย่างชนิดของเพลงที่ฟังขณะขับรถ  พบว่าเพลงที่ใช้สำหรับแดนซ์ หรือ ออกกำลังกาย ไม่เหมาะสำหรับใช้ฟังขณะขับรถ เพราะจังหวะของเพลงที่เร็วเกินไปมีผลต่อพฤติกรรมในการขับขี่ด้วยเช่นเดียวกัน และยิ่งไปกว่านั้นถ้าผู้ขับขี่เปิดเพลงเสียงดัง หากเกิดอุบัติเหตุ หรือรถตัวเองเกิดมีอาการผิดปกติ ผู้ขับขี่อาจไม่ได้ยินเสียงนั้น และทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงตามมาได้





นอกจากนี้การเปิดเพลงเสียงดังจนรบกวนผู้อื่นถือเป็นการกระทำที่สร้างความเดือดร้อนและรบกวนผู้อื่น อาจมีทั้งโทษจำคุกและปรับ ซึ่งโทษระบุไว้ดังนี้

กฎหมายอาญามาตรา 370
ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท 

พรบ. จราจรทางบก พศ. 2522 มาตรา 43
ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น บทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือ ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ที่สถานีตำรวจ จะต้องดำเนินการนำขึ้นฟ้องศาลเท่านั้น



เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ของท่าน จากเหตุการณ์ไม่คาดคิด เลือกสินมั่นคงประกันภัย..ประกันรถ ประกันเวลา..วางใจทำประกันรถยนต์กับเรา ด้วยเบี้ยที่ไม่แพง พร้อมบริการที่สะดวก รวดเร็ว โทร 1596 หรือ www.smk.co.th 





ที่มา: กรมควบคุมมลพิษ

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.