Ads Top

SMK Insurance

ข้อควรรู้ระวังภัยเมื่อเกิดเหตุ “เรือล่ม”

เป็นความไม่มั่นใจสำหรับใครหลายคน เมื่อมีความจำเป็นต้องโดยสารทางน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางข้ามทะเลที่อาจต้องประสบกับปัญหาคลื่นลมแรงโดยไม่คาดคิด จนอาจส่งผลร้ายแรงจนถึงขั้นเรืออัปปาง (เปิดไทม์ไลน์ เหตุเรือหลวงสุโขทัยล่มกลางทะเล https://www.thaipost.net/general-news/286987/) การมีทักษะและความรู้พื้นฐานเบื้องต้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนที่โดยสารทางเรือ สินมั่นคงประกันภัยจึงเก็บข้อมูลมาฝากค่ะ

ประเภทของเรือโดยสาร

ศูนย์ควบคุมการจราจรและความปลอดภัยทางทะเล กรมเจ้าท่า ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า เรือโดยสารสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของเรือได้ง่าย ๆ 3 ประเภท ได้แก่ 

  1. เรือโดยสารธรรมดา สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 100 คน มีทั้งแบบ 1 ชั้นและ 2 ชั้น ใช้ความเร็วปานกลางประมาณ 10-15 นอต 
  2. เรือสปีดโบ๊ต ขนาดเล็ก บรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 10-30 คน และเรือสปีดโบ๊ตขนาดใหญ่ บรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 40 คน ใช้ความเร็วสูง 35-40 นอต จึงเป็นที่นิยมในการใช้ข้ามเกาะ แต่มีราคาค่อนข้างสูง 
  3. เรือเฟอรี่ สามารถบรรทุกรถและสิ่งของได้ ใช้ความเร็วไม่มาก ประมาณ 10 นอต แต่มีขนาดใหญ่และต้องอาศัยท่าเรือแบบพิเศษ เนื่องจากต้องมีการนำรถขึ้นเรือด้วย สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 300 คน และรถยนต์ประมาณ 30-40 คัน แล้วแต่ขนาดและน้ำหนักของรถ

สาเหตุของเรือล่ม

เรือล่มนั้นสามารถเกิดอุบัติเหตุได้จากการมีน้ำเข้าเรือและมีสาเหตุได้หลายลักษณะด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • เรือรั่วหรือทะลุ เป็นเรื่องของการดูแลตรวจสอบสภาพเรือก่อนออกทะเล บางครั้งไม่ดูแลและซ่อมบำรุงให้ดี แต่เป็นการซ่อมแบบชั่วคราว อาจเกิดรอยรั่วระหว่างทาง ทำให้น้ำเข้าเรือจนล่มได้ 
  • เรือชนก้อนหินจากคลื่นลมแรง แต่มีโอกาสเกิดน้อย
  • เรือชนกัน ซึ่งส่วนมากมักเป็นอุบัติเหตุเรือสปีดโบ๊ตชอบแข่งขันกันเพื่อแย่งผู้โดยสาร ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บและกระเด็นตกน้ำจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งแตกต่างจากเรือล่มปกติทั่วไปที่มีเวลาเตรียมตัวสละเรือ ลงน้ำ และรอความช่วยเหลือ

เสื้อชูชีพต้องพร้อม เรือชูชีพต้องมี ใช้อย่างไร?

สำหรับอุปกรณ์การช่วยเหลือบนเรือโดยสารขนาดใหญ่ นอกจากเสื้อชูชีพแล้ว ยังต้องมีอุปกรณ์ดังนี้

  1. เรือแพชูชีพลักษณะเป็นแคปซูล เมื่อโยนลงไปในน้ำจึงจะกางออก ทำให้ผู้โดยสารยังไม่สามารถนั่งได้เมื่ออยู่บนเรือ ต้องกระโดดลงไปในน้ำก่อนแล้วจึงค่อยปีนขึ้น 
  2. หากอยู่รวมกันที่จุดรวมพลแล้วกระโดดลงไปในน้ำในจุดใกล้เรือแพชูชีพก็จะง่ายต่อการช่วยเหลือ แต่หากแยกย้ายกันไปกระโดดลงน้ำแล้ว จะไม่สามารถว่ายน้ำมาขึ้นเรือแพชูชีพได้ เนื่องจากกระแสน้ำและกระแสคลื่นลมแรงมาก อาจถูกพัดพาออกไปไกล และตกหล่นจากความช่วยเหลือ
  3. เรือแพชูชีพขนาดใหญ่สามารถรองรับคนได้ประมาณ 40-50 คน มีความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 50 เซนติเมตร เด็ก ผู้หญิง และคนชราปีนขึ้นเองยากจึงต้องมีคนเรือมาช่วยดึงขึ้น 
  4. เมื่อลงเรือไปแล้วต้องเกาะเชือกกันไว้เป็นกลุ่มเพื่อง่ายต่อการช่วยเหลือ 

สำหรับอุปกรณ์การช่วยเหลือ ใบอนุญาตเรือจะระบุว่าจำนวนผู้โดยสารที่เรือบรรทุกได้ 300 คน ต้องมีเสื้อชูชีพและเรือแพรองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยว่า 300 คน และควรมีการซ้อมใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น ซ้อมใช้เรือแพ ซ้อมการรวมพล การสวมเสื้อชูชีพ การรู้จักสัญญาณต่าง ๆ เช่น สัญญาณสละเรือ

ปกป้องชีวิตจากเหตุเรือล่ม

การประเมินสถานการณ์ขณะประสบเหตุว่าเรือจะล่มหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากสำหรับกัปตันเรือ  เพราะโดยปกติแล้วการอยู่บนเรือใหญ่จะช่วยรักษาความปลอดภัยได้มากกว่าไปลอยตัวอยู่ในน้ำทะเลและถูกคลื่นลมซัด กัปตันจึงต้องพยายามปกป้องผู้โดยสารปลอดภัยด้วยการให้อยู่บนเรือใหญ่ก่อน แต่ถึงที่สุดแล้วถ้าเรือจะต้องล่ม กัปตันต้องเป็นผู้ตัดสินใจ โดยลูกเรือและผู้โดยสารต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะหากเรือล่มและจมน้ำลงไปพร้อมกับเรือจะยิ่งมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก จึงควรปฏิบัติดังนี้

  1. หากเรือเอียงแล้วไม่ควรจะอยู่ด้านในของเรือ ควรออกมายืนในพื้นที่โล่งเตรียมพร้อมสละเรือได้ทุกเมื่อ ไม่เช่นนั้นอาจถูกบล็อกให้ขังอยู่ภายในเรือและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต 
  2. เจ้าของเรือต้องมีหน้าที่ดูแลเรือให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย คนประจำเรือต้องมีความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะสถานการณ์วิกฤติ เพราะการช่วยเหลือผู้โดยสารนั้น คนเรือมีส่วนสำคัญอย่างมาก 
  3. ผู้โดยสารควรเชื่อฟังไม่โวยวายหรือทะเลาะวิวาทกัน 
  4. ก่อนกระโดดน้ำต้องสวมเสื้อชูชีพไม่ว่าจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น เพราะอาจไม่ทราบได้ว่า เมื่อกระโดดลงไปในทะเลแล้วจะต้องลอยอยู่ในน้ำนานแค่ไหน หรือบางครั้งกระโดดลงไปแล้วได้รับบาดเจ็บจะยังคงลอยตัวอยู่ได้ 
  5. เจ้าของเรือ ควรเลือกกัปตันเรือที่มีความรู้และประสบการณ์มากพอสมควร เพราะหากกัปตันเรืออายุน้อย ประสบการณ์น้อย หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาอาจจะได้รับความเสียหาย
  6. ผู้โดยสาร เมื่อลงเรือโดยสารแล้วต้องรู้จักสังเกตหาทางหนีทีไล่ ส่วนใหญ่จะมีป้ายทางออกแสดงอยู่ตามทางเดิน และควรมองหาว่ามีเสื้อชูชีพอยู่ที่บริเวณใด สนใจคำแนะนำสวมใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง เพราะหากจำเป็นต้องกระโดดลงน้ำจากที่สูงเสื้ออาจหลุดจากตัวได้ และการลอยตัวอยู่ในน้ำนาน ๆ จะทำให้หมดแรงหรือเป็นตะคริวได้

ปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยประกันภัยการเดินทาง (TA) ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลระยะสั้นที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางของผู้เอาประกันภัยซึ่งอยู่ระหว่างการท่องเที่ยว ตลอด 24 ชั่วโมง สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productpadetail/3 หรือ โทร.1596 Line : smkinsurance และสามารถติดตามเนื้อหาสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.