Ads Top

SMK Insurance

ประกันสุขภาพ : เทคนิคลดอาการไอและเจ็บคอง่ายๆ แบบคนยุคใหม่







ช่วงเปลี่ยนฤดูกาล คนหลายวัยมักเป็นไข้หวัด ที่มีอาการไอและจามร่วมด้วย ทำให้ต้องอายยามอยู่ในที่สาธารณะ เพราะใครๆก็เกรงจะได้รับเชื้อโรคตามไปด้วย ความมั่นใจในการทำกิจกรรมต่างๆ ก็ลดลง สินมั่นคงประกันภัยจึงมีคำแนะนำดีๆ เพื่อบรรเทาอาการไอและเจ็บคอจากหวัดด้วยสมุนไพรพื้นบ้านแบบฉบับคนยุคใหม่ที่ไม่ต้องเตรียมอะไรให้ยุ่งยาก มาแบ่งปันกัน

1.เลือกใช้ยาอมผสมมะแว้ง แทนการเตรียมใช้มะแว้งต้นหรือมะแว้งเครือที่ต้องเตรียมหลายขั้นตอน โดยปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ มีรสบ๊วยทานได้ง่าย

2. 
นำเหง้าขิงมาฝานเป็นแว่นต้มดื่ม โดยอาจจะผสมน้ำผึ้งหรือเกลือเล็กน้อย ก็จะช่วยลดอาการไอและช่วยขับเสมหะได้ แต่ถ้าไม่สะดวกเตรียมสมัยใหม่อาจเลือกขิงผงสำเร็จรูป หรือ ซื้อน้ำขิงจากร้านขายน้ำเต้าหู้หรือเต้าฮวยก็สะดวกไม่ต้องต้มเอง

3. 
เลือกใช้กานพลูผงบดละเอียด สำเร็จรูปแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาบดเอง ตักประมาณ 1-3 ช้อนชา ไปผสมกับน้ำร้อน จากนั้นกลั้วคอบ่อย ๆ อาการเจ็บคอจะทุเลาลง เพราะกานพลูนอกจากสามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดอาการอักเสบได้ด้วย ถ้าหาซื้อกานพลูยากอาจใช้เกลือแกงผสมน้ำกลั้วคอแทนก็ได้

4. 
ระหว่างวันก็เลือกจิบน้ำอุ่น แทนการดื่มน้ำเย็น จะช่วยชุ่มคอ ละลายเสมหะได้ดี นอกจากนั้นอาจทานยาอมระหว่างวัน ซึ่งยาอมแก้ไอมีหลายประเภททั้งยามอมสมุนไพรและลูกอมที่ช่วยบรรเทาอาการไอได้ แต่อย่างไรก็ตามบางครั้งการไออาจเป็นผลจากอาการของกรดไหลย้อน จึงควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา หากมีอาการไออย่างรุนแรง หรือไอติดต่อกันนานเกินกว่า สัปดาห์

ในระยะยาวทุกท่านควรดูแลตนเอง เพื่อป้องกันการเกิดเสมหะ และไอ เตรียมผ้าปิดปากติดไว้กับตัวเพื่อใช้ได้ทันทีเมื่อมีอาการไอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำ เลือกรับประทานผักผลไม้หลากหลายสีจะได้วิตามินและเกลือแร่ครบถ้วน ดื่มน้ำอย่างเพียงพอวันละ 8-10 แก้ว หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง นอกจากนี้ควรงดสูบบุหรี่เพราะทำให้หลอดลมแย่ลง เสี่ยงต่ออาการไอเอื้อรัง มีอาการอักเสบและมีเสมหะในลำคอซึ่งยากต่อการขับออกมาได้ง่ายอีกด้วย

ทั้งนี้ควรทำประกันสุขภาพ เพื่อเป็นหลักประกันให้คุณและคนที่คุณรักอุ่นใจในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ สนใจทำประกันสุขภาพกับสินมั่นคง โทร 1596 หรือ www.smk.co.th สินมั่นคงประกันภัย ..เราประกัน คุณมั่นใจ..


ขอบคุณที่มาของรูปภาพ Photo source : http://thaihealthlife.com













ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.