HIIT, Group Classes เทรนด์การออกกำลังกายปี 2018 ที่ได้รับความนิยมสูง
จากผลสำรวจเทรนด์การออกกำลังกายฟิตเนสทั่วโลกประจำปี 2018 ที่เผยแพร่ใน American College of Sports Medicine's Health & Fitness Journal ซึ่งเป็นข้อมูลจาก ACSM สถาบันที่เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายในอเมริกา ระบุว่าแนวโน้มในการออกกำลังกายในปี 2018 คือ การออกกำลังกายแบบ HIIT ( High interval intensity Training ) ซึ่งเป็นที่นิยมและมาแรงมากขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ในปี 2018 และการออกกำลังกายรูปแบบกลุ่ม ที่มีจำนวนผู้ออกกำลังกายมากกว่า 5 คนขึ้นไป หรือ Group Classes ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2
สำหรับการออกกำลังกายในรูปแบบ HIIT ( High interval intensity Training ) ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ใช้เวลาในการออกกำลังกายน้อยแต่สามารถออกกำลังกายได้ครบทุกส่วน ใช้การออกกำลังกายแบบได้มากแต่ใช้เวลาน้อย ซึ่งสามารถแบ่งเป็นช่วงฝึกและช่วงพัก ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสามารถเพิ่มขึ้นสูงได้ถึง 85 - 90% ของอัตราการเต้นสูงสุด การออกกำลังกายในรูปแบบนี้แม้ว่าจะไม่ได้ฝึกการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงมาก่อนก็สามารถเล่นได้
จากที่กล่าวมาข้างต้นเรามาดูทั้ง10 อันดับเทรนด์การออกกำลังกายทั่วโลกปี 2018 ที่ได้รับความนิยมสูงว่ามีอะไรบ้างดังนี้
1. การออกกำลังกายแบบ High-Intensity Interval Training
High-Intensity Interval Training หรือ HIIT ตามข้อมูลที่กล่าวมาในขั้นต้น พบว่าการออกกำลังกายในรูปแบบ HIIT เป็นการออกกำลังกายแบบใช้พลังสูง แต่ใช้ระยะเวลาสั้น (โดยปกติประมาณ 20 ถึง 90 วินาที) หลังจากนั้นก็จะการออกกำลังกายแบบเบา สลับกันเป็นจังหวะ ใช้ระยะเวลารวมประมาณ 30 นาที หรือน้อยกว่านั้นแต่ครบทุกส่วน ซึ่งช่วยได้มากในการทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเกิดความทนทานและสามารถผลาญแคลอรี่ โดยใช้ระยะเวลาไม่มากซึ่งการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ไม่ควรออกกำลังกายทุกวัน เนื่องจากกล้ามเนื้ออาจได้รับบาดเจ็บ
2. Group Training
เป็นการออกกำลังกายในรูปแบบกลุ่ม ซึ่งในปี 2560 อยู่ในอันดับ 20 รองเทรนด์ในการออกกำลังกาย ซึ่งขึ้นทะยานมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งรูปแบบการออกกำลังกายในลักษณะนี้เป็นจะมีครูผู้สอนพาออกกำลังกาย ในต่างประเทศนั้นการออกกำลังกายเป็นลักษณะที่ผสมผสานท่าออกกำลังกายในรูปแบบกิจวัตรประจำวัน ซึ่งในฟิตเนสมีการเปิดสอนฟรี นอกจากจะเรียกเหงื่อแล้วยังสามารถใช้เวลานี้พบปะกับเพื่อนๆได้หลายคน
4. Wearable Technology ( อุปกรณ์ ITที่สวมใส่ )
อุปกรณ์ IoT หลายอุปกรณ์ เช่น นาฬิกา smart watch, เครื่องมือวัดการเต้นของหัวใจ เป็นต้น อุปกรณ์เหล่านี้ในปัจจุบันสามารถนำมาสวมใส่และพกพาได้อย่างสะดวก สามารถตรวจวัดแคลอรี่ได้, ดูพฤติกรรมทั้งเวลาการนอน, การรับประทานอาหาร และการเคลื่อนไหวในแต่ละวัน ในปัจจุบันมีผู้ผลิตอุปกรณ์ เช่น Fitbits และ Apple Watchesซึ่งในอนาคตจะรวมไปถึงการเปิดตัวกางเกงเพื่อตรวจวัดค่าแคลอรี่ได้
4. Bodyweight Training
การฝึกการออกกำลังกาย Bodyweight Training เป็นที่นิยมอย่างมากโดยทั้งกลุ่มผู้ชาย กลุ่มผู้หญิง ซึ่งสามารถออกกำลังกายได้ด้วยตนเอง โดยการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ ใช้อุปกรณ์น้อยหรือไม่ใช่เลย ซึ่งการออกกำลังกายในรูปแบบนี้สามารถออกกำลังได้ทุกที่ทุกเวลา โดยการใช้น้ำหนักตนเองเป็นตัวปรับท่าต่างๆ ในเวลาเดียวกันสามารถฝึกความทนทานของร่างกาย ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการใช้กล้ามเนื้อ
5. Strength Training
การฝึกในรูปแบบการใช้ข้อต่อและกล้ามเนื้อ เป็นการต่อยอดจากการ weight training ซึ่งจะทำให้เกิดความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและการสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้มีประโยชน์อย่างมากคือ ช่วยป้องกันการลดลงของมวลกล้ามเนื้อตามอายุช่วยให้กระดูกและหัวใจแข็งแรงและช่วยป้องกันอาการปวดและการบาดเจ็บในชีวิตประจำวัน
6. Educated, Certified, and Experienced Fitness Professionals
เป็นรูปแบบการออกกำลังกายแบบการเรียนโปรแกรมการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆเป็นโปรแกรมที่ได้รับการรับรองจากองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการออกกำลังกายซึ่งปฏิบัติตามมาตรฐานการออกกำลังกาย การออกกำลังกายในรูปแบบนี้สามารถนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นเทรนเนอร์ในการออกกำลังกายได้
7. Yoga
เป็นโปรแกรมการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งสามารถนำมาปฏิบัติเพื่อฟื้นฟูร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกกำลังกายในรูปแบบ Yoga มีหลายรูปแบบ เช่น Iyengar yoga, power yoga หรือ Bikram yoga เป็นต้น ช่วยให้สามารถบริหารจิตใจ และลดความเครียดได้อย่างดีทำให้ร่างกายเกิดความยืดหยุ่น
8. Personal Training
ครูฝึกส่วนตัวที่จะทำให้การออกกำลังกายของไปถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอีกหนึ่งเทรนที่กำลังมาแรง เนื่องจากผู้ออกกำลังกายหลายท่านมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย แต่วิธีการออกกำลังกายแบบนี้มีราคาสูง
9. Fitness Programs for Older Adults
การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงวัย เป็นการออกกำลังกายเพื่อที่จะรักษากระดูกและมวลกล้ามเนื้อไปพร้อมๆกัน ซึ่งเป็นเทรนการออกกำลังกายในลักษณะนี้ เป็นลักษณะเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุในวัยเกษียณ
10. Functional Fitness
เป็นการออกกำลังกายเพื่อฝึกความแข็งแรงของของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดพลังและความอดทน ซึ่ง Functional Fitness มีท่าออกกำลังกายที่สามารถใช้น้ำหนักของร่างกายมาผสมกับอุปกรณ์ที่นำมาประยุกต์ได้
สินมั่นคงประกันภัย ส่งเสริมการดูแลรักษาสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วย แอปพลิเคชัน SMK Health และ "ประกันสุขภาพตามฟิต ตามก้าว" ยิ่งก้าว เบี้ยยิ่งลด ประกันสำหรับคนที่ฟิตกว่าควรจ่ายน้อยกว่า พร้อมรับเบี้ยคืนสูงสุด 10% หากก้าวเดินได้ตามกำหนด คลิก www.smk.co.th หรือ โทร.1596
ที่มา
https://edition.cnn.com/2018/01/03/health/exercise-trends-survey-2018/index.html
https://www.self.com/story/biggest-fitness-trends-of-2018
http://time.com/5296639/streaming-exercise-peleton-workout/
ไม่มีความคิดเห็น: